– blog นี้ ย้ายมาจาก blog เก่านะครับ –
วันที่ 4 ใน ฮังการี วันนี้เรามีโปรแกรมออกมาเที่ยวนอกเมืองกัน เป็นทัวร์ที่ไปกับไกด์ของโรงแรมอีกหนึ่งวัน โดยโปรแกรมของวันนี้มีชื่อเรียกว่า Danube Bend ซึ่งมาจากสถานที่ต่างๆที่เราจะไปนั้นจะตั้งอยู่ตามแนวโค้งของแม่น้ำดานูบ
วันนี้โชคดี แดดออกแต่เช้า
เราออกจากที่พักแล้วก็วิ่งเลาะๆในเมืองเล็กๆบ้าง ริมแม่น้ำบ้าง จนมาถึงที่แรก โบสถ์ Esztergom Basilica
Esztergom Basilica ที่เห็นนี้ถูกสร้างขึ้นใหม่ราวปี 1822 โดยตัวโบสถ์ดั้งเดิมนั้นย้อนกลับไปถึงช่วงปี 1000-1010 แต่ก็โดนทำลาย โดนเผา สร้างใหม่อยู่หลายรอบ
เข้ามาในโบสถ์
ภายในสวยงาม โอ่โถงมาก
โต๊ะบูชานี้ ดูผ่านๆเหมือนไม่มีอะไร
แต่ถ้าสังเกตดีๆ ที่หน้าของรูปปั้นจะหายไป
โดนสกัดทิ้ง
ถ้าจำที่ไกด์อธิบายไม่ผิด น่าจะเป็นพวก Turks มาทำลาย (ไม่ชัวร์)
ออแกนอันนี้ก็มีชื่อเสียงเพราะใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรป สีสวยงามมากครับ
งานศิลปะเกี่ยวกับศาสนา
รูปปั้นส่วนใหญ่จะเป็นหินอ่อนสีขาว ซึ่งแกะได้ละเอียด สวยงามมากๆ
นักบุญ Martin กับห่าน ที่ต้องเป็นห่านเพราะมีเรื่องเล่า ว่าเพราะห่านตัวนึงส่งเสียงเลยทำให้เค้าได้เป็นบิชอป (จริงๆเค้าไม่อยากเป็น) อ่านแบบละเอียดที่นี่
ส่วนรูปวาดรูปนี้ก็มีชื่อเสียงตรงที่ว่าเป็นรูปวาดสีน้ำมันบนผ้าใบแผ่นเดียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาด 13.5 × 6.6 เมตร เป็นผลงานของ Michelangelo Grigoletti
ที่พื้นก็สวย
ลองเลนส์กว้างๆ งานหินอ่อนที่นี่สวย ละเอียด ประณีต ไม่แพ้ที่อื่นๆเลยครับ
เดินมาข้างหลังโบสถ์ก็จะเห็นแม่น้ำ Danube มองข้ามไปที่เห็นลิบๆอีกฝั่งก็จะเป็นประเทศ Slovakia แล้วครับ
สะพานที่เชื่อมทั้งสองประเทศ
ลองโหมด พานอรามา คลิกเพื่อดูภาพขนาดใหญ่
ก่อนกลับหันมาถ่ายอีกที
จริงๆบริเวณด้านหน้าโบสถ์มีลิฟต์ลงไปชั้นใต้ดิน ซึ่งมีร้านกาแฟอยู่ เราลืมถ่ายมา มีของที่ระลึกขายเล็กน้อย เข้าไปหลบหนาวได้
สถานที่ต่อมาคือ Visegrád Kiralyi Palota (King’s Palace of Visegrád) หรือพระราชวังโบราณแห่งเมือง วิเชนกราด
ด้านหน้า
หน้าต่างสวยดีเท่าทีเดินดู ส่วนใหญ่น่าจะสร้างขึ้นใหม่เยอะพอสมควร มีของเดิมอยู่บ้าง
มีผังให้ดูว่าสมัยก่อนเป็นยังไง
น้ำพุอันนี้มีชื่อเสียง ไกด์เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนเวลาคนมาที่วังนี้ ไม่ได้อยากเจอพระราชา แต่อยากมาดูน้ำพุอันนี้ เพราะว่ากันว่าแทนที่จะเป็นน้ำธรรมดา น้ำพุอันนี้กลับพ่นไวน์ออกมาแทน หะหะ
แบบจำลอง (ด้านนอกอาคารมีแบบจำลองเท่าจริงตั้งอยู่)
มีรูปอยู่บนแบงค์พันด้วย
ส่วนคนนี้ก็คือพระราชาเจ้าของวัง King Matthias
ไฟสวยดี (ของใหม่)
ไกด์บอกว่าคนฮังการีสมัยก่อนจะตัวค่อนข้างเล็ก ข้าวของเครื่องใช้ จึงมีขนาดเล็กไปด้วย
มีห้องที่แสดงชิ้นส่วนโบราณของอาคาร แปะไปบนชิ้นส่วนที่ทำจำลองขึ้นมา
มีของเดิมอยู่นิดเดียว
ออกจากวังแล้วเราเดินทางมาบนยอดเขาเป็นร้านอาหารชื่อ Nagyvillám étterem
ไม่ได้สั่งอะไรเอง เพราะทัวร์สั่งมาให้หมดแล้วเมนูแรกเป็น ซุป ชามนี้อร่อย กลมกล่อม เครื่องเทศเยอะดี
จานหลักเป็นข้าวเนื้อกับเนื้อตุ๋น ซอสส้มไม่อร่อยเลย =_=
ของหวานเป็นแอปเปิ้ลนิ่มๆ ราดซอส ไกด์บอกว่าอร่อยมาก แต่เรากินแล้วไม่ชอบเลย
มีกาแฟร้อนให้ปิดมื้อ
การตกแต่งร้านก็จะเป็นป่าๆนิดๆ
หัวปลา
บรรยากาศด้านนอกของร้าน มองไปเห็นแม่น้ำ danube เช่นกัน
มุมนี้ถ่ายจากใกล้ๆร้าน คลิกเพื่ดูภาพขนาดใหญ่
เมืองสุดท้ายที่จะแวะในโปรแกรมวันนี้ คือ Szentendre เป็นเมืองเล็กๆ ไม่ไกลบูดาเปสต์ ไกด์บอกว่าเป็นเมืองศิลปิน
เราเดินๆดูมันจะคล้ายๆถนนคนเดินบ้านเรา คือมีร้านเล็กๆ ขายของที่ระลึก ของฝาก งานศิลปะ ประมาณนี้
ซึ่งของฝากซึ่งที่นี่จะถูกกว่าในตัวเมืองบูดาเปสต์
ร้านขายของก็จะเป็นห้องเล็กๆ แบบนี้ สองฝั่งถนนเล็กๆ
งานกระเบื้อง สีสดดี
ลายสวย
อันนี้เป็นแบบลายฉลุ
อีกสีนึง
ถนนเล็กๆ
เสื้อผ้า หมวก ของกิน ก็มีขายครับ พวกของกิน พริกปาปริก้า เป็นของขึ้นชื่อของที่นี่เหมือนกัน โดยนิยมเอาไปทำซุป กุลาช (goulash)
เดินๆแล้วเจอร้านนี้ ขายของแบบมีดีไซน์สมัยใหม่ ไม่ได้ดูเป็นงานพื้นเมือง
ไม้จิ้มฟัน ร้านนี้มีชั้นใต้ดินด้วย
เสร็จจากที่นี่เราก็นั่งรถกลับเข้าบูดาเปสต์ เป็นอีกวันที่ยาวนาน แต่ก็สนุกคุ้มค่าครับ
– blog นี้ ย้ายมาจาก blog เก่านะครับ –