ใกล้จะจบทริปแล้วครับ วันนี้เราอยู่ในกรุงปารีส ไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) พิพิธภัณฑ์ชื่อดังระดับโลก เปิดให้เข้าชมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1793 หรือราว 220 ปี เดิมทีพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังหลวงในสมัยราชวงศ์กาเปเซียง ที่นี่มีงานศิลปะอยู่มากกว่า 35,000 ชิ้น ชิ้นที่มีชื่อเสียงก็เช่นรูป Mona Lisa ของ Leonado Da Vinci หรืองานประติกรรมกรีกโบราณ วีนัส เป็นต้น
เราไปดูโดยมีไกด์ท้องถิ่นคนเดียวกับที่พาเดินในแวร์ซายเมื่อวาน ชื่อพี่อะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ 90% ของทัวร์ไทยที่ไปก็จะได้เจอพี่คนนี้แหละครับ พี่เค้าเป็นคนลาว แต่พูดไทยได้ชัดเจน เป็นไกด์อยู่ฝรั่งเศสมาน่าจะเป็นสิบปี ซึ่งพี่เค้าก็จะพาเดินดูไฮไลท์ต่างๆ เพราะเวลาไม่พอให้เราเดินเอ้อระเหยลอยชาย
(ข้อมูลพิพิธภัณฑ์คัดลอกมาจากวิกิพีเดียครับ)
ออกจากโรงแรมตอนเช้า เราไม่ได้ตรงไปที่ลูฟวร์เลย แต่ไปแวะถ่ายรูปที่ประตูชัย (Arc de Triomphe) ก่อน
แล้วก็แวะไปถ่ายรูปหอไอเฟลจากบริเวณ Trocadéro วันนี้โชคไม่ดี ฟ้าครึ้มเสียแล้ว
บริเวณนี้จะเป็นที่นิยมในการมาถ่ายรูปหอไฟลครับ
ตึกบริเวณนั้นเป็นโรงละครแห่งชาติ ( Théâtre National de Chaillot)
รูปแกะสลักแถวที่จอดรถทัวร์ของเรา
มาแวะอีกจัตุรัสอีกแห่งที่มีความสำคัญในกรุงปารีส Place de la Concorde ที่นี่เป็นที่ที่ใช้ประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และ พระนางมารี อองตัวแนต ด้วยการกีโยติน
บริเวณจัตุรัสมีเสาโอเบลิสก์ ตั้งอยู่ เสาโอเบลิสก์ นี้มีที่มาจากอียิปต์ ไกด์บอกว่า อียิปต์มอบให้ แต่เรานึกๆคิดว่าน่าจะไปขู่เอามากกว่า หะหะ
ที่ฐานเสาจะมีรูปกราฟิกอธิบายอยู่
ส่วนบริเวณเสาก็จะเป็นรูปแกะสลัก
ซึ่งรูปเหล่านี้จะเป็นเรื่องราวของฟาโรห์องค์ต่างๆ
บริเวณใกล้ๆมีรถเฟอรารี่ให้เช่าขับ เราเห็นตามสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในอิตาลีและที่ฝรั่งเศสจะมีซูเปอร์คาร์อย่างนี้ให้คนเช่า 30 นาที ชั่วโมงนึง แพงเหมือนกัน คุ้นๆว่าหลายพันบาท
เดินทางต่อมาจนถึงลูฟวร์ พีระมิดแก้วอันเป็นสัญลักษณ์ที่คุ้นตาของพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บริเวณลานด้านหน้า
บริเวณด้านล่างก็จะเป็นพีรามิดแก้วกลับหัวอยู่ บริเวณนี้จะเป็นทางเข้าสู่ตัวพิพิธภัณฑ์ โดยรถทัวร์จะส่งเราที่ที่จอดรถใต้ดินแล้วก็เดินมายังจุดนี้
พีรามิดแก้ว
เดินมาจากตรงพีรามิดแก้วเรื่อยๆจะมีแบบจำลองปราสาทอยู่ เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังนี้ในอดีต
ผ่านกำแพงเดิมของปราสาท
โดยกำแพงพวกนี้เป็นส่วนที่อยู่ชั้นใต้ดินท้งหมด
ชิ้นแรกที่เจอคือ Sphinx จากอียิปต์
ขาแตกไปข้าง
อายุประมาณ 4600 ปี
หม้อใหญ่ๆเป็นลายคนขี่ม้า
สภาพยังค่อนข้างดีอยู่
รัดเกล้าทองคำ อายุประมาณ 2,200-2,300 ปี
สิงโต
งานหลายชิ้นละเอียดจนคิดว่าคนเรานี่มีความสามารถสูงมาเป็นพันๆปีแล้ว
ไฮไลท์แรกที่เราเจอคือ Venus de Milo
งานประติมากรรมหินอ่อนอายุกว่า 2,00 ปี
จริงๆแล้วเคยมีแขน แต่ก็หายไประหว่างกันขุดค้นเจอ
ด้านหลังคือพี่ไกด์ชาวลาวที่เราบอก
สะท้อนเงาในกระจก
Winged Victory of Samothrace ไฮไลท์อีกชิ้น ตั้งอยู่ตรงโถงบันไดใหญ่
นิ้วหักไปเกือบหมด
บนเพดานก็มีงานเพนติ้งอยู่
เป็นโดม
ห้องนี้บรรยากาศคล้ายห้องกระจกของแวร์ซาย
ในห้องแสดงงานโต๊ะหินอ่อนละเอียดมาก
ทึ่งว่าคนโบราณทำได้ขนาดนี้ได้ยัง
ถ้วยหินอ่อน
ฐานเป็นทอง
ขาแก้ว
เป็นเซ็ตภาชนะหิน
รายละเอียดมันเนี้ยบจริงๆครับ
นั่งคิดเล่นๆว่าแต่ละชิ้นต้องใช้เวลาทำเท่าไหร่
งานพวกนี้มากจากอิตาลีเป็นส่วนใหญ่ครับ
ดูเซ็ตเครื่องแก้ว o.O
ใบนี้เป็นหิน
ดูดีเทลของส่วนประดัตกแต่ง
ใบนี้น่าจะเป็นหินอ่อน
ด้านข้าง
มงกุฎเล็กๆ
มงกุฎ
งานโต๊ะอีกที
เนี้ยบ
อันนี้เป็นงานเพนท์ที่หน้าต่าง
ดูไกลๆเหมือนงานแกะไม้จริง
การตกแต่งเพดาน
เดินต่อมาเริ่มเป็นโซนรูปวาด รูปนี้ชื่อ The Madonna and Child in Majesty Surrounded by Angels
เพดานสวยหลายห้อง
เพดานสวยหลายห้อง
Madonna della Vittoria โดย Andrea Mantegna
Virgin and Child โดย Bartolomeo Vivarini
Virgin and Child with Saints โดย Giovanni Bellini
The Calvary โดย Giovanni Bellini เช่นกัน
Christ Blessing โดย Giovanni Bellini
รูปนี้วาดโดย domenico ghirlandaio
เซ็ตนี้เจ๋งตรงที่เป็น สามรูปมาต่อกัน วาดโดย Ambrogio Bergognone
The Virgin and Child with St. Anne งานดังอีกชิ้นของ Leonado Da Vinci
The Virgin of the Rocks วาดโดย Da Vinci เช่นกัน
Cima da Conegliano
งานละเอียดมากๆ
The Wedding at Cana ภาพวาดขนาดใหญ่ผลงานของ Paolo Veronese
ความเจ๋งของรูปนี้ก็คือ Paolo Veronese วาดตัวเค้าเองกำลังเล่น Viola อยู่ในรูปด้วย
แล้วก็มาถึงรูปวาดที่มีคนอยากมาดูเยอะที่สุดรูปหนึ่งในโลก Mona Lisa นั่นเอง
เราได้แต่เขย่งชะเง้อดู เพราะคนเยอะมากๆ
Mona Lisa หญิงสาวที่คนทั่วโลกรู้จักเธอ ผลงานมาสเตอร์พีซของ Leonardo da Vinci
Leonidas at Thermopylae ผลงานของ Jacques-Louis David ซึ่งที่ลูฟวร์นี้ มีงานของ Louis David อยู่เยอะเลยทีเดียว
The Coronation of Napoleon มาสเตอร์พีซของ Jacques-Louis David ซึ่งที่แวร์ซายก็มีรูปนี้อยู่เหมือนกัน (ที่นี่เป็นชิ้นแรกที่แวร์ซายวาดขึ้นใหม่)
แต่สองรูปมีความแตกต่างกันที่สีเสื้อผ้าพี่สาวของนโปเลียน ที่มีการเปลี่ยนในรูปที่วาดขึ้นใหม่
The Intervention of the Sabine Women ผลงานของ Louis David เช่นกัน
Paris and Helen โดย Jacques-Louis David
งานนี้ละเอียดมากๆ คือดีเทลเม็ดเล็กแทบจะเป็นพิกเซล
ดูแล้ว นี่พู่กันมันวาดได้ขนาดนี้เลยเหรอ
ดูงาน Jacques-Louis David ที่ลูฟวร์จนผมขอติดตามเป็นติ่ง Louis David เลยครับ
L’Ecole d’Apelle โดย Jean Broc
ออกจากห้องงานเขียนมาต่อพวกงานประติมากรรมกันอีกที
ที่นี่เราจะเจอคนโรมันถ่าย Selfie กันหลายคนเลย หะหะ
งานแกะละเอียดยิบอีกแล้ว
คนนี้มีชื่อว่า Gladiator นโปเลียนซื้อมาราวปี 1807
งานหินสีดำแบบนี้เจ๋งดี
Psyché ranimée par le baiser de l’Amour โดย Antonio Canova
ชิ้นนี้ถือเป็นไฮไลท์อีกชิ้นของลูฟวร์
Psyché ranimée par le baiser de l’Amour โดย Antonio Canova
Selfie อีกแล้ว หะหะ
กำลังโพสท์
งานของศิลปินชื่อดังอีกคน Michelangelo งานนี้ชื่อ bound slave
งานของ Michelangelo
งานของ Michelangelo
แบบนี้ก็เจ๋ง เสื้อสีนึงตัวคนอีกสีนึง
เป็นผู้หญิงบ้าง
งานนี้อยู่ตรงใกล้ทางออก เป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เราดู เหมือนพี่แกมายืนส่งแขก
ออกมาข้างนอกฝนโปรยๆ
มีประตูชัยอันเล็กๆอีกอยู่ด้านหน้า
หลังจากนี้เราก็ไปชอปปิ้งกันตามห้างอย่าง Lafayette และ Printemps ก่อนจะกลับไปแพคกระเป๋าเตรียมกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นตอนสุดท้ายของทริปนี้ครับ