เมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่าน เรามีโอกาสได้ไป New Zealand กับครอบครัวเป็นครั้งแรก สมาชิกที่ทุกคนไม่เคยมีใครเคยมาเที่ยวที่นี่มาก่อนยกเว้นพ่อ เคยมาเมื่อหลายปีก่อน น่าจะ 15-20 ปีที่แล้วเลย ตอนแรกตั้งใจจะเริ่มเขียนตอนที่เดินทางถึง Auckland แล้ว แต่นึกไปนึกมาก็เขียนย้อนไปตั้งแต่ก่อนเข้าประเทศเลยดีกว่า ก็จะเล่าภาพรวมคร่าวๆ ของทริปตามที่นึกออกและพอจำได้
ภูมิประเทศ
เริ่มที่ตำแหน่งประเทศ New Zealand เมื่อก่อนเราคิดว่าไม่ไกลมาก จนเมื่อได้ไป ออสเตรเลียเมื่อปี 2012 ซึ่งเดินทางคุ้นๆ ว่าราว 9-10 ชั่วโมงเหมือนกัน แล้ว New Zealand มันไกลออกมาอีกทำให้รู้ว่าจริงๆแล้วมันค่อนข้างไกลจากประเทศไทยเลย คือใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง เท่ากับเดินทางไปพวกยุโรปอย่าง ลอนดอน ปารีส มิลาน อะไรอย่างนี้ โดยการเดินทางมาก็จะมีการบินไทยบินตรง ลงที่ Auckland ซึ่งอยู่หัวสุดของเกาะเหนือ หรือถ้าเป็น emirates จะบินจากกรุงเทพตรงไปลง Christchurch แต่จากที่อ่านๆ มาหลายๆคนจะนั่ง qantas ไปลง Sydney แล้วเลือกไปลงเมืองที่อยากไปเลย เช่น Wellington Christchurch Queentown
พูดถึงเมืองใหญ่ก็ต้องอธิบายเรื่องภูมิประเทศว่าเป็นยังไงบ้าง หลายคนคงเคยได้ยินว่าเกาะเหนือ เกาะใต้ ตลอดถ้าพูดเรื่องการมาเที่ยว NZ ก็คือที่นี่มันจะมี 2 เกาะใหญ่ๆ อยู่ ตามขนาดเกาะใต้จะใหญ่กว่าเกาะเหนือ ประมาณ 56% และ 42% แต่ประชากรส่วนใหญ่จะอยู่ที่เกาะเหนือมากกว่า 3.4 ล้าน และ 1.5 ล้านคน
โดยเมืองสำคัญของเกาะเหนือก็คือ Auckland เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุด ด้วยความที่เป็นอดีตเมืองหลวง แล้วก็มี Wellington เมืองหลวงในปัจจุบัน อยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะเหนือ เกาะใต้ก็จะมี Christchurch เป็นเมืองใหญ่ที่สุด ส่วนพวกเมืองท่องเที่ยวดังๆ จะขอเล่าในตอนต่างๆของทริปนี้อีกที
หาข้อมูล
สำหรับข้อมูลในการเที่ยวนั้นก็จะหาจากเว็บไซต์และหนังสือเป็นหลัก โดยเว็บหลักก็จะเป็น newzealand.com ซึ่งข้อมูลครอบคลุมทั้งประเทศเลย แล้วก็จะมีพวก blog และกระทู้ของคนไทยอ่านประกอบอีกหลายท่าน รวมถึงเจ้าเก่าอย่าง tripadvisor และ foursqaure ที่เราใช้หาร้านข้าวเป็นประจำ
ส่วนหนังสือนั้นอ่านประมาณสามเล่ม คือ
2.เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยนิวซีแลนด์ (เกาะเหนือ-เกาะใต้)
3.บันทึกตัวร้าย..ของ..ยัยกล้อง (ตอน) ท่องเกาะใต้
(ทั้ง 3 เล่มเอารูปปกมาจากเว็บ se-ed.com)
เค้าไปเที่ยวอะไรกันใน New Zealand ?
ก่อนไปเราก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันว่าแล้วเค้าไปเที่ยวอะไรกันบ้างนะ รู้แค่ว่ามักจะไปดูธรรมชาติกัน พอได้ไปแล้วก็เห็นหลายกลุ่มๆ ทำให้นึกเป็นหมวดได้คร่าวๆ ว่ามันพอจะมีอะไรเที่ยวบ้าง แล้วคนแบบไหนไปแล้วจะสนุก
1. ธรรมชาติ
เป็นจุดดึงดูดสำคัญของประเทศที่สุด ด้วยความที่ประเทศ New Zealand เป็นประเทศค่อนข้างใหม่ คนไม่ค่อยเยอะ ทำให้ธรรมชาติของที่นี่ยังดีอยู่มาก ภูมิประเทศที่เป็นเกาะ มีเทือกเขายาวและเยอะ รายล้อมด้วยทะเลสาบจำนวนมาก อีกอย่างนึงที่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะก็คือแหล่งพลังงานใต้พิภพ ก็จะมีพวก น้ำพุร้อน บ่อโคลน อะไรอย่างนี้
2. กีฬาและกิจกรรม extreme ต่างๆ
นอกจากธรรมชาติแล้วกีฬาก็เป็นกิจกรรมขึ้นชื่อของ NZ ไม่แพ้กัน เริ่มด้วย ‘All Black’ ทีมรักบี้ประจำชาติ เจ้าของแชมป์โลกหลายสมัย และการเต้น ‘ฮาก้า‘ ที่สืบสานมาจากชนเผ่าดั้งเดิมเมารี ปลุกใจก่อนการแข่งขัน อันเป็นที่สนใจของแฟนๆรักบี้ทั่วโลก
อีกอย่างนึงที่ได้รับความนิยมก็คือกิจกรรมแนว extreme เช่น Bungy jump, Skydiving , Ski และพวก Jet boat ในแม่น้ำกับทะเลสาบ รวมถึงกิจกรรมที่เป็นฐานผจญภัย ยิงธนู ปีนป่าย อารมณ์เหมือที่เขาใหญ่ หรือนครนายกบ้านเรานั่นแหละครับ
พวกปั่นจักรยานลุยๆอย่างเสือภูเขา เดินป่า ปีนเขา (trekking) และปั่นจักรยานทางไกลนี่ก็ฮิตเช่นกัน
3. Lord of The Ring
หลายคนคงทราบดีว่าหนังไตรภาค Lord of The Ring นั้นถ่ายทำในประเทศ New Zealand เป็นโลเคชั่นหลัก
สืบเนื่องจากข้อ 1 ก็คือเรื่องธรรมชาติ ไม่ว่าทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา เนินเขาขึ้นๆลงๆเล่นระดับแบบสวยงาม(บ้านฮอบบิท) ภูเขาหิมะ ที่มีสันเขายาว แม่น้ำและทะเลสาบต่างๆ ทำให้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆก็จะโฆษณาว่าเป็นสถานที่ถ่ายทำ ฉากนู้นฉากนี้ นอกจากนั้นยังมี tour โลเคชันต่างๆอีกเพียบ ทำให้เราแอบคิดเหมือนกันว่าก่อนมี LOTR นี่ เค้าชูอะไรเป็นหลักในการโฆษณาให้คนมาเที่ยว
4.ไวน์ เบียร์
อีกหนึ่งของขึ้นชื่อ ซึ่งเป็นส่วนที่เราแฮปปี้ที่สุดในทริปนี้ หะหะ New Zealand มี ไร่องุ่นและโรงไวน์เยอะมาก โดยมี Pinot noir เป็นไวน์แดงที่ขึ้นชื่อ ส่วนไวน์ขาวนั้น มีชื่อทั้ง Sauvignon blanc และ Chardonnay สำหรับการท่องเที่ยวก็จะมีทั้งทัวร์โรงไวน์กับริษัททัวร์ หรือ ไม่ก็สามารถขับตาม wine trail เส้นทางที่มีโรงไวน์เยอะแยะให้เราเข้าไป wine tasting และซื้อกลับจากผู้ผลิตโดยตรง ส่วนนี้เป้นส่วนที่เราประทับใจมากที่สดของทริปจริงๆ (ขี้เมามากๆ)
ส่วนเบียร์นั้นทริปนี้เราไม่ได้ไปโรงเบียร์เลย แต่ก็ซื้อมาลองหลายยี่ห้อจากซุปเปอร์ฯ ตอนหาข้อมูลก็ทำให้ทราบว่า ที่นี่มี Crafted Beer หลายยี่ห้อ หลายรสหลายโรงมาก (Crafted เบียร์ทำมือหรือเบียร์ที่ไม่ได้ขาย mass มาก) โดยที่ Wellington นี่มีแผนที่โรงเบียร์ให้เดินชิมกันเลยทีเดียว (ลองคลิกไปดู)
สรุปว่าที่เค้านิยมมากันในความคิดเราก็จะมี 4 อย่าง ซึ่งเดาเอาล้วนๆ จริงๆอาจจะมีอย่างอื่นที่เราไม่รู้อีกก็ได้
การเดินทางภายในประเทศ
การท่องเที่ยวใน NZ ส่วนมากจะนิยมขับรถกันครับ ซึ่งไม่ยากลำบากเท่าไหร่สำหรับคนไทยเพราะ เป็นพวกมาลัยขวาเหมือนกัน การจองก็สะดวกทำผ่านเว็บได้หมด ราคาก็สูงต่ำต่างกันไปตามแต่ละเว็บสำหรับเราจองผ่าน jucy.co.nz ประเภทของรถก็จะมีหลากหลายทั้งรถเก๋ง มินิแวน รถตู้ ที่ได้รับความนิยมอีกอย่างก็คือรถบ้าน ซึ่งทำให้ไม่ต้องจองโรงแรม
สำหรับเราทริปนี้จองรถตู้เลยครับเพราะไปกันยกบ้าน 7 คน + หลานตัวเล็ก 1 คน รถตู้ที่ว่านี่ก็แบบคุ้นเคยเลย เป็น Toyota Commuter ที่วิ่งรับส่งคน อนุสาวรีย์ฯ – ปากเกร็ด นี่แหละครับ แต่เป็นเกียร์ auto และพวงมาลัย power จริงๆการข้ามระหว่างเกาะเหนือ-ใต้นั่นจะสามารถขึ้นเรือเฟอรี่ที่ Wellington แล้วไปลง Picton เมืองทางฝั่งเกาะใต้ได้ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่เรามีเวลาจำกัด เลยทำให้เราจองรถสองรอบคือ Auckland-Wellington แล้วบินข้ามไปลง Christchurch รับรถแล้วไปคืนที่ Queenstown
พูดถึงเรื่องเช่ารถ ก็นึกถึงตอนรับรถขึ้นมาได้ ตอนไปรับรถ จะต้องใช้ใบขับขี่บ้านเราด้วย รุ่นใหม่ที่มีภาษาอังกฤษจะสะดวกที่สุด เพราะถ้าใบขับขี่สากลที่ไปทำที่กรมขนส่งฯ นั้น จะไม่สามารถขับรถตู้ได้ แต่ถ้าเป็นรถเก๋งจะไม่มีปัญหาอะไรครับ อ่อ ชื่อใบขับขี่กับบัตรเครดิตที่จองไป ต้องเป็นคนเดียวกันด้วยครับ
สำหรับเครื่องบินภายในประเทศ ที่เห็นเยอะๆก็คือ Air New Zealand เป็นสายการบินประจำชาติแล้วก็มี Jet Star เป็น Low cost ซึ่งก็คุณภาพใช้ได้ เราใช้บริการของ JetStar 2 ไฟลต์คือ Wellington-Christchurch อีกไฟลต์ก็เป็นวันจะกลับบินจาก Queenstown ขึ้นมา Auckland เพื่อนั่งการบินไทยกลับกรุงเทพฯ
การจองโรงแรม
ทริปนี้การจองโรงแรมค่อนข้างเหนื่อยพอสมควรเพราะเราเปลี่ยนเมืองทุกวัน เดินทางทุกวันก็จะต้องคำนวณว่าวันนี้จะขับกี่กิโล เดินทางไปเที่ยวไหนบ้างแล้วจะนอนที่เมืองไหน เปลี่ยนโรงแรมเกือบ 10 ที่ได้ครับ ซึ่งประทับใจเกือบทุกโรงแรมเลย ขนาดเมืองเล็กๆโรงแรมยังสะอาดและบริการดีเกือบทั้งหมดครับ ซึ่งตอนจองก็ผ่าน booking.com เป็นหลักครับ
วีซ่า
จริงๆแล้ว blog ส่วนใหญ่ก็จะแนะนำเรื่องการไปขอวีซ่า ขั้นตอนต่างๆ แต่ต้องขอยอมรับ ณ จุดนี้ ว่าทริปนี้ เราไม่ค่อยรู้เรื่องการขอวีซ่าเลย เพราะไม่ได้ไปด้วยตัวเองเหมือนทริปอื่นๆ ก็คือกรอกๆเอกสาร เตรียมรูป และฝากให้คนอื่นไปทำ เลยไม่มีรายละเอียด ต้องขออภัยด้วยครับ แต่ที่หาข้อมูลมา คุ้นๆว่าไม่ยากครับ
วันเดินทาง
ผ่านขั้นตอนการหาข้อมูล เตรียมข้อมูล หาร้าน หาที่พัก ก็ถึงวันเดินทางจริง เราเดินทางกันช่วงปลายเดือน เมษายน ประมาณวันที่ 20 กว่าๆ ไฟลท์ที่บินเป็นไฟลท์เย็นๆค่ำๆ บินยาว 12 ชั่วโมง ซึ่งรู้สึกโอเคเลย เพราะปกติถ้าไฟลท์ดึกๆ ห้าทุ่มเที่ยงคืน เราจะรู้สึกนอนไม่ค่อยหลับ แบบมันดึกไป แต่พอหัวค่ำนี่โอเค ทานข้าวดูหนัง ซักพักก็ง่วง หลับพอได้ บินยาวแต่ก็รู้สึกได้พักผ่อน เครื่องที่บินไม่ค่อยใหม่เท่าไหร่ แต่ก็มีจอ มีปลั๊กให้เสียบได้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็น Boeing 777-200ER
ด้านอาหารนั้นการบินไทยจะเสิร์ฟ 2 มื้อ เย็นและเช้า ออกจากไทยประมาณ 19.00 ถึงประมาณ 11.00 หรือ ราว 6.00 เมืองไทย (NZ เร็วกว่าไทย 5 ชั่วโมง)
การตรวจตอนเข้าเมือง
หลับๆตื่นๆ ก็ผ่านไป 12 ชั่วโมงถึง Auckland จากที่อ่านมาและได้เจอกับตัวเองก็ทำให้ทราบว่า NZ ค่อนข้างซีเรียสกับของสด ของกินที่เอาเข้าประเทศมาก มีวิดิโอเปิดตั้งแต่ในเครื่อง พอลงมาก็มีป้ายบอกตลอดทางว่า ถ้ามีอะไรแปลกๆต้อง declare ทั้งหมด ไม่งั้นจะโดนปรับอ่วมแน่นอน สิ่งที่เรา declare ก็เลยเป็นของกินคือชีสที่หิ้วติดมือมาจากไทย และรองเท้ากีฬา เพราะเค้ากลัวว่าจะเอาพันธุ์พืชหรือเชื้อโรคเข้ามาด้วย แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ดุ พูดคุยสอบถามตามปกติ ก็ผ่านไปด้วยดี มีของพี่ชายที่โดนยืดหมูแผ่นที่กะจะเอามาให้หลานชายกินเล่น โดยเจ้าหน้าที่เป็นจีนมาก คาดว่าคงเอาไปรับประทานกับข้าวต้มเอง หะหะ
พอออกมาก็ไปติดต่อเรื่องรถ รับกุญแจจากบริษัท แล้วก็เดินไปลานจอดเอง เป็นอันเริ่มทริปตะลุย New Zealand ของเราในคราวนี้

มื้อแรกของเราใน New Zealand เป็นแฮมเบอเกอร์ของร้าน Wendy’s ที่แวะกินกันตายก่อน รสชาติก็พอได้ ไม่เลวร้ายมาก
เป็นอันว่าจบตอนแรกของทริปนี้ กะจะเขียนสั้นๆไปๆมาๆ น้ำมาจากไหนไม่รู้ยาวเฟื้อยเลย ตอนหน้าจะเป็นข้าวเย็นมื้อแรกใน New Zealand ครับ