จาก Esk Valley เราขับลงใต้ผ่านสนามบินแล้ว เลี่ยงออกนอกเมืองไปยังถนน Church Road เพื่อไปยังโรงไวน์ที่ 2 ของวันนี้ โรงนี้มีชื่อว่า Mission Estate ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Church Road Winery ที่เราเดินทางมาเมื่อวาน
Mission Estate เป็รโรงไวน์ที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดอีกแห่งของ New Zealand โดยย้อนประวัติไปได้ถึงปี 1838 ที่กลุ่มมิชชันนารีจากฝรั่งเศสได้เดินทางมาถึงที่นี่ ก่อตั้งโรงไวน์แห่งนี้ในปี 1851 และได้เริ่มผลิตไวน์จำหน่ายวินเทจแรกเป็นปี 1870 เรียกว่ามีอายุกว่า 160 ปีเลยทีเดียว
ที่นี่มี Wine Tasting แล้วก็มีส่วนที่เป็นห้องอาหารด้วย เรามาถึงช่วงบ่าย จะวางแผนจะมาทานข้าวกลางวันที่นี่ด้วยเลย มีอย่างนึงที่แปลกใจก็คือ ไวน์ที่ขายบริเวณที่ชิมกับในร้านอาหารจะคนละราคา คือต่างกันหลายเท่า เหมือนไปเปิดตามร้านอาหารข้างนอก เราก็เลยทานแต่ข้าว ไม่ได้เปิดไวน์ ใช้ซื้อกลับไปกินเอาดีกว่าประหยัดเงินไปเยอะพอสมควร
ทางเข้าจากถนนใหญ่ บรรยากาศดีเลยครับ
สองข้าง จากทางเข้าปลูกองุ่นทั้งหมดครับครับ
ตัวคารหลักครับ สวยงามดี
ชื่ mission น่าจะมาจาก missionary นั่นหละครับ
วันอาทิตย์จะเปิดสายปิดเร็วหน่อย
โถงทางเข้าครับ จะมีของที่ระลึก โชว์และจำหน่ายอยู่
ตรงนี้ดูเหมือนโบสถ์
อีกมุมนึงของห้องนี้
ถังไวน์โบราณของดั้งเดิม
โลโก้ ของ Mission บนกล่องไม้
กำแพงด้านหลังเคาเตอร์ Wine Tasting ครับ
คุณพี่คนนี้เป็นคนเติมไวน์ และอธิบายแต่ละตัวให้ฟัง
ส่วนมากจะเริ่มด้วยไวน์ขาว เพราะมีรสชาติที่อ่อนกว่าไวน์แดง
มีน้ำเปล่าให้ล้างปากก่อนจะเปลี่ยนตัวต่อๆไป
คุณพี่กำลังอธิบายเรื่องสี และ กลิ่น หลังจากชิมครบ เราถูกใจพวกไวน์ขาว เช่น Sauvignon Blanc, Pinot Gris และ Late Harvest ซึ่งหวานหอมสดชื่น คุณป้าบอกไว้ทานล้างปาก
นอกจากกรุ๊ปเรา ก็มีอีกสองกรุ๊ปมาลองชิม
คุณพี่จับท้ายขวดอย่างมือโปร
แต่ละเดือนขวดที่เปิดให้ชิมจะผลัดเปลี่ยนกันไป ประมาณ 6-7 พันธุ์องุ่น ถ้าชิมแล้วชอบตัวไหนก็สามารถซื้อได้เลย
ตู้โชว์ไวน์วินเทจเก่าๆ ที่ได้รางวัล
ไม้แกะแผ่นใหญ่มาก
ชิมเสร็จเราก็เดินมาที่ห้องอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน
รายการอาหารครับ
อีกหน้านึง
อาหารที่นี่ค่อนข้างช้านิดนึง จานนี้เป็น caesar salad มี โพชเอ็กโปะมาด้วย
Pork Belly เสิร์ฟมากับ Black Pudding
Fish & Chips เสิร์ฟมาคู่กับ ฟราย และ สลัด
จานนี้เป็นปลา ด้านบนแปะมาด้วยคีนัว เสิร์ฟมาพร้อมกับบีทรูทบดและดอกกะหล่ำ
เส้น Beetroot pappardelle ผัดกับ seafood
สเต็ก Eye Fillet
จานสุดท้ายเป็น Slow cooked lamb shoulder rack โดยรวมอาหารก็อร่อยดีทุกอย่างครับ
ทานข้าวเสร็จก็ออกมาถ่ายรูปด้านหลังกันครับ
ด้วยความที่อยู่บนเนินสูง ก็จะมองลงไปเห็น ไร่องุ่นอยู่ที่ราบด้านล่าง
ฟ้าใสพอดีวันนี้
Panorama บ้าง
อีกซักรูป
ด้านหลังของอาคารก็สวยงามครับ
มีโซนที่นั่งทานแบบเอาท์ดอร์ได้ด้วย