การเดินทางไปงาน Beertopia ที่ฮ่องกงทริปนี้ของผม เดินทางด้วยสายการบิน Emirates ครับ เป็นการใช้บริการครั้งที่ 2 ครั้งแรกคือเมื่อปี 2013 ไปยุโรป
คราวนี้พอรู้กำหนดการงานเบียร์ Emirates ก็ออกโปรโมชั่นมาในช่วงนั้นพอดีเลยได้ตั๋วชั้นธุรกิจมาในราคาไม่แพงมาก คือ 12,000 บาท ซึ่งชั้นประหยัดจะอยู่แถวๆ 7,000 บาทเท่านั้นครับ
ไฟลท์นี้ EK 384 เป็นไฟลท์มาจากดูไบผ่านกรุงเทพแล้วต่อไปฮ่องกง ออกเดินทางจากกรุงเทพ 13.45 ไปถึงฮ่องกง 17.30 เดินทางรวม 2.45 นาที (เวลาฮ่องกงเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) ขากลับ EK 385 จะออกจากฮ่องกง 21.15 ถึงไทย 23.15
เคาเตอร์ check in ของ Emirates อยู่ที่แถว T ครับ
เช็คอิน โหลดกระเป๋าเสร็จก็จะได้บัตร Premium Lane มาครับไว้ผ่านตอนตรวจความปลอดภัยและผ่าน ต.ม. ส่วนเลาจน์นั้นใช้ของ Emirates เอง
ไฟลท์นี้จะเป็นเจ้า Airbus A380 ลำยักษ์ด้วยครับ
ชั้น Business Class และ First Class จะอยู่บนชั้นสองครับ รูปนี้เป็นบรรยากาศภายในชั้น Business Class ครับ
วิวจากด้านหลังครับ Emirates จัดแถวเป็นแบบ 1-2-1 ครับ
บรรยากาศชั้น Business Class
ระหว่างรอเทคออฟก็มีเครื่องดื่มมาเสิร์ฟครับ แก้วแรกเป็นแชมเปญยี่ห้อ Moet Chandon ครับ
แล้วก็น้ำส้มครับ
ผมได้ที่นั่งตรงกลางครับ แบบนั่งติดกัน
แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็มีบานเลื่อนปิดขึ้นลงได้ครับ
ที่นั่งตรงกลางอีกแบบ แบบนี้โต๊ะจะย้ายไปด้านใน ทำให้เป็นส่วนตัวมาขึ้นครับ
จอขนาดใหญ่ฝังอยู่ในเก้าอี้ด้านหน้า
ที่วางเท้ายาวพอสมควรครับ
หูฟังเป็นแบบตัดเสียง Noise Cancellation
ด้านข้างจะมี tablet ใช้บังคับจอทีวี เก้าอี้ เปิดปิดไฟ และเรียกพนักงานครับ
ถอดจากฐานออกมาได้แบบนี้ครับ
มินิบาร์ส่วนตัว ปลั๊กไฟ usb และคอนโทรลเลอร์
WiFi บนเครื่อง มีค่าบริการ 1 USD ครับ ผมลองตอนแรกเวร์คดี ซักพัก ต่อไม่ได้ เสียเงินฟรี
ปุ่มปรับเก้าอี้
ที่นั่งสามารถปรับราบได้
รายการอาหาร
รายการอาหาร
รายการอาหาร
รายการอาหาร
รายการอาหาร
Wine List
Wine List
Wine List
Wine List
Wine List
Wine List
พนักงานมาปูโต๊ะให้ครับ
ผมเลือกเป็นเนื้อฟิลเลต์ซอสบัลซามิก นุ่มอร่อยดีครับ สุกกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมกับกราแตงมันฝรั่ง ขนมหวานก็อร่อย
ทานคู่กับไวน์แดง
ของพี่ชายเป็นปลาคอด ไม่ค่อยอร่อยครับ
ปิดท้ายด้วยกาแฟดำ
ทีเด็ดของ A380 คือมีเลาจน์อยู่ด้านหลังของเครื่องครับ
ของทานเล่นเพียบๆ
เป็นขนมหวานก็มี
ถั่ว มะกอก ผลไม้อบแห้ง พวกที่ไว้ทานกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หรือจะเอาอยู่ท้องเลยเป็นแซนด์วิช
มีที่นั่งทั้งสองฝั่ง ซึ่งเวลาสัญญาณรัดเข็มขัดขึ้น พนักงานจะแจ้งให้เรานั่งตรงนี้แล้วรัดเข็มขัดครับ
สั่ง Gin Tonic มาจิบครับ
ตัวนี้เป็น port wine ลองไปหน่อยหวานๆ ครับ
ก่อนแลนดิ้งแวะไปเข้าห้องน้ำครับ ตกแต่งด้วยไม้ลายเดียวกัน
ดูหรูหราดี
ส้วมครับ
สำหรับขากลับจากฮ่องกงนั้นจะเป็นไฟลท์ EK 385 บิน 3 ชั่วโมง ออกจากฮ่องกง 21.15 ถึงไทย 23.15 ผมเดินจากโรงแรมมายังสนามบินด้วย Uber ช่วงค่ำๆวันอาทิตย์รถไม่ค่อยติดมากครับ
เคาท์เตอร์เช็คอินของ Emirates อยู่ที่แถว G
ผู้โดยสารไฟลท์นี้เยอะมาก ในรูปคือชั้นธรรมดาครับ
ชั้นธุรกิจยังต้องรอคิวซักพักเลย
ไฟลท์นี้เหมือนจะเป็นดีไซน์ตัวเก่าครับ
วิวจากด้านหลัง
นั่งตรงกลางเหมือนขามา ความโชคร้ายคือตัวปรับระดับของผมมันเสีย สรุปหลังตรงตลอดไฟลท์ มีเปิดเครื่องนวดได้แก้เซ็งครับ
ปลั๊กไฟ usb คอนโทรลเลอร์ย้ายไปอยู่ด้านหน้า
ที่วางขาครับ
มินิบาร์ส่วนตัว
แทบเลตใหญ่มาก
รายการอาหารไฟลท์ขากลับ
รายการอาหารไฟลท์ขากลับ
รายการอาหารไฟลท์ขากลับ
รายการอาหารไฟลท์ขากลับ
รายการอาหารไฟลท์ขากลับ
Moet Chandon มาเสิร์ฟก่อนเทคออฟครับ
น้ำส้มอีกหนึ่งแก้ว ตอนจะขึ้นแล้ว ถ้ายังไม่หมดพนักงานก็จะเก็บอยู่ดีนะครับ
Wine List เหมือนขามาดูได้จากด้านบนครับ
มีบัตร Priority Lane ให้ด้วย เราคนไทยเข้าเครื่องอัตโนมัติเร็วกว่าเยอะครับ
โต๊ะ
พนักงานมาปูผ้าให้
อาหารเย็นวันนี้ของผมเป็นแกะครับ ส่วนขนมปังเป็นแบบมีเกรน อร่อยดี ขนมเป็นมูสชอคโกแลตใส่กับส้มมานิดหน่อย
แกะนุ่มรสแกะเยอะ ออกเค็มนิดๆ มันๆ มันบดเป็นมันหวาน เนียนๆ ส่วนผัดผักเเป็นพริกหยวก
ของพี่ชายเป็นไก่กับบะหมี่ ไก่เฉยๆ แต่เส้นอร่อยดีครับ ผักก็กรอบอร่อย
ทานคู่กับไวน์แดงครับ
ทานข้าวเสร็จก็ไปเลาจน์หลังเครื่องเช่นเคย วันนี้เครื่องสั่นพอสมควรครับ
ของทานเล่น น่าอร่อยทั้งไก่ ทั้งแซลมอน
พวกถั่วต่างๆ
แก้วนี้เป็นบลัดดี้แมรี่ รสเขมข้ทเลยครับ เปรี้ยว เค็ม เผ็ด
ดรายมาร์ตินี่ รสวอดก้าแรง
ลองแซมอนซะหน่อย ชิ้นปลาเค็มๆ เย็น ขนมปังนุ่มๆ
ลองวอดก้า น้ำส้มอีกแก้ว จิบเสร็จก็เดินมึนกลับที่นั่ง แป๊บเดียวก็ถึงสุวรรณภูมิครับ
โดยรวมประทับใจมากครับ ด้วยราคาด้วยคุณภาพ ซึ่งนอกจากบนเครื่องจะดีแล้ว ความคุ้มค่าก็คือได้ใช้บริการเลาจน์ทั้งขาไปและกลับ บนเครื่องก็สะดวกสบาย
ถ้าใครอยากลองชั้น Business Class เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่คุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับราคาครับ ไปฮ่องกงคราวหน้าลองไปกับ Emirates ดูนะครับ