อาหารอินเดียเป็นหนึ่งในอาหารโปรดของผมและที่บ้านครับ คือชอบรสชาติที่เข้มข้น รสเครื่องเทศ ก็เลยมักจะหาร้านแว้บไปกินกันเรื่อยๆ ทีนี้พอตอนที่รู้จักร้านนี้ ‘Gaggan’ ทางร้านเค้าก็ดังประมาณนึงอยู่แล้ว ก็จองยากพอสมควร พอมีการจัดอันดับมิชลินคราวนี้ คิวยิ่งยาวหนักเลยครับ
มาถึงวันที่จอง ผมและครอบครัวมาถึงที่ร้านตรงเวลาคือ 18.00 พนักงานสอบถามชื่อเรียบร้อย แล้วก็พาขึ้นไปนั่งชั้นบน ซึ่งตรงนี้มีเรื่องที่กวนใจนิดนึงคือพนักงานต้อนรับทำหน้าแบบไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้วก็ส่งสัญญาณกันว่า พาไปนั่งข้างบนแหละ อะไรอย่างนี้ ก่อนจะพาขึ้นมาชั้น 2 ของร้าน
ตัวร้านเป็นบ้านไม้โบราณทาสีขาว ปรับปรุงตกแต่งนิดหน่อย พนักงานพามานั่งที่โต๊ะแล้วก็มาต้อนรับสอบถามเรื่องเครื่องดื่ม สำหรับอาหารที่นี่จะมีคอร์ส 25 เมนูอย่างเดียวครับ สามารถสั่งไวน์แพริ่งหรือสั่งเป็นขวดก็ได้ โต๊ะเราสั่งเป็นไวน์แพริ่ง ก็จะมีพนักงานเป็นชาวญี่ปุ่นมาแนะไวน์แต่ละตัวครับ
ปากทางเข้าร้าน
บรรยากาศด้านหน้าร้าน
ห้องเก็บไวน์ที่ชั้นล่าง
บรรยากาศร้านบนชั้น 2 ครับ
บรรยากาศร้าน
รายการอาหารของที่นี่จะเป็นรูป emoji ของ iPhone ครับ
ไวน์แก้วแรกเป็นแชมเปญ Larmandier-Bernier ค่อนข้างดราย ซ่า เปรี้ยวนิด
เริ่มคอร์สด้วย ?เป็นน้ำแตงกวา ใส่ขิง พริกและมะนาว รสเผ็ดนิดผสมเปรี้ยว สดชื่นดี พนักงานมาเฉลยว่าด้านล่างมีว่านหางจรเข้กรุบๆ สดชื่นดีครับ
รายการที่ 2 ?เป็นโยเกิร์ตที่มาในฟอร์มหยดน้ำใหญ่ๆ พอเข้าปากแล้วจะแตกโผล๊ะ เป็นครีมเปรี้ยวๆ กับรสหวานอ่อนๆ ตามด้วยรสเครื่องเทศนิดหน่อย ชอบครับเมนูนี้
จานที่ 3 ? เป็นเมนูที่หลายคนพูดถึง คือพนักงานจะมาเปิดเพลง Lick It Up ของวง Kiss ที่โต๊ะเรา แล้วก็ให้เลียจานนี้ครับ รสชาติเป็นครีมๆ เหมือนมันฝรั่ง มีรสเครื่องเทศ ผงกระหรี่ พริกหยวก เหมือนเลียซอส อร่อยและตลกดี
ไวน์ตัวที่ 2 Melsheimer Vade Retro เป็นองุ่น Riesling จากเยอรมัน ออกวานิลลา เปรี้ยว นวลๆ แปลกดี
รายการที่ 4 ?เป็นแป้งกรอบๆ ไส้ครีมมี่รสหวานเค็มแล้วก็มีซอสฮอสแรดิช เผ็ดนิดหน่อย ด้านบนเป็นคาเวียร์รสเค็มอ่อนๆ อร่อยครับ
เมนูที่ 5 ? เป็นต้มยำกุ้ง แต่ทำเป็นไอศครีมครับ
ผมซึ่งแพ้กุ้งก็เลยเป็นตัวไอศครีมเปล่าๆแทน ตัวโคนเป็น rice paper (แผ่นปอเปี๊ยะ)กรอบๆ ตัวซอสหวาน ครีมมี่ เย็นๆ ความรู้สึกเหมือนทานพะแนง มีรสแบบมะกรูดอะไรอย่างนี้ครับ
เมนูที่ 6 ?เป็นคุกกี้ที่ทำจากมะเขือม่วงครับ ก็คือสองชิ้นบนล่าง เป็นผงๆ พอเข้าปากแล้วมันจะละลายหายไป กลิ่นแบบควันๆ ตรงกลางเป็น Chutney ซอสสไตล์อินเดีย รสหวานนิดเผ็ดหน่อย
เมนูที่ 7 ?เป็นไวท์ชอคโกแลต ที่พอใส่ปากมันจะแตกโผล๊ะเป็นน้ำแกงเผ็ดๆ หอมเครื่องเทศ เมนูชอบอีกแล้วครับ
ไวน์ตัวต่อมาเป็นไวน์ขาวชื่อ Bianco จากโรง Le Coste ประเทศอิตาลี เป็นแบบ unfiltered เลยขุ่นหน่อย กลิ่นหอมหวาน ยางๆ รสเปรี้ยว
เมนูที่ 8 ?ชื่อ Idly Sambar เป็นก้อนแป้งที่ทำจากข้าวทอปด้านบนด้วยโฟมแกง และใบเคอรี่ ตัวโฟมดึ๋งๆ มีรสเผ็ดแบบแกงอินเดีย แล้วก็รสมะพร้าวๆ ตัวแป้งข้างล่างหลวมๆ
เมนูที่ 9 ?เป็นเมนูไทย ยำปลาดุกฟูครับ แต่เค้าใช้ปลากะพงแทน
ตัวกรวยทำจากหัวหอมตากแห้ง กรอบๆ เนื้อปลาเป็ยขุยๆ กรอบดีเช่นกัน ซอยด้านล่างเป็นครีมรสเครื่องเทศ Full flavor ดีครับคำนี้
เมนูต่อมาเสิร์ฟมาในกล่องติ่มซำแบบนี้
?เป็นซาลาเปาสีเขียวที่ทำจากคะน้า ไส้เป้นแกง Keema ที่ทำจากเนื้อแพะ มีรสยุสุนิดๆ รสเผ็ดเหมือนทานซัลโมซ่า ไส้อุ่น แป้งหนึบๆ อร่อยครับเมนูนี้
แก้วต่อมาเสิร์ฟสาเกครับ ออกฟรุตตี้ แอลกอฮอล์แรง
แก้วสาเกสวยงาม
เมนูที่ 11 ?Turnip Uni Taco แผ่นแป้งทำจากหัวเทอนิป กรอบๆ ด้านบนเป็นไข่หอยเม่นจากฮอกไกโดครีมมี่ดี
เปิดมาด้านล่างข้างล่างเป็นมูสเนื้อเนียนเหมือนมันฝรั่งรสเค็มหวาน
เมนูที่ 12 ?เป็นซูชิครับ เนื้อทูน่าส่วนชูโทโร่ นุ่มมัน รสปลาชัด ด้านข้างบนเป็นเจลลี่ขิงซึ่งไม่ค่อยออกรสเท่าไหร่ ข้างล่างเป็นเมอแรงทำจากดาฉิ เหมือนทานโฟม รสไม่ชัดมาก อร่อยดี
ไวน์แก้วต่อมาเป็น Pinot Gris จากโรง Bott-Geyl ฝรั่งเศส กลิ่นหอมหวานแบบ Late Harvest บอดี้กลางๆ อาฟเตอร์เทสต์เป็นคาราเมล
เมนูที่ 13 ?เป็นขนมของอินเดียเหมือนทาร์ตชื่อ ghewar มีเจลที่ทำจากยุสุ แล้วก็ครีมที่ทำจากฟัวราครับ รสยุสุชัดดี ตรงขอบกรอบๆ เป็นเบิร์นบัตเตอร์ รสหวานเค็ม อร่อย เข้ากับไวน์ดีครับ
เมนูที่ 14 ?เป็นปลาไหลทะล (Anago) กับซอส Mole Mexican รู้สึกหนึบๆ แล้วก็มีรสเผ็ดนิดๆ ตัวซอสหวานหน่อยๆ
เมนูที่ 15 ?เป็นซุปแครอทชื่อ Kintoki รสหวานผสมเค็มๆ ผมนึกถึงซุปมะเขือเทศครับ
ไวน์แก้วต่อมาเป็นไวน์จากออสเตรียชื่อ Dogma ของโรง Pittnauer บอดี้กลางๆ ค่อนข้างฝาด กลืนแล้วบาดคอนิดหน่อย
เมนูที่ 16 ?เป็นเกี๊ยวสีดำ ทำจากกระเทียมดำครับ ชื่ออินเดียเรียกว่า momo ตัวแป้งหนึบๆ ไส้เป็นหมูรสชาติเปรี้ยวหวาน น้ำซุปรอบๆก็รสออกเปรี้ยวครับ
เมนูที่ 17 ? เป็นหอยเชชล์จากฮอกไกโดครับ ซึ่งสามารถกินเปลือกกรอบๆ เข้าไปได้ด้วยเค้าทำมาจากน้ำตาล ที่เป็นเม็ดๆ คือไอศครีมมะพร้าวครับ คำรู้สึกของคำนี้คือเหมือนกินต้มข่า รสหวานเย็น แล้วก็ texture แบบกรุบๆ
ไวน์ตัวต่อมาจากโรง Heinrich ออสเตรีย บอดี้บางหน่อย รสเปรี้ยวแล้วตามด้วยหวานอ่อนๆ
เมนูที่ 18 ?เป็นกุ้งราดซอสชื่อ Balchao ของโปรตุเกส
แต่ผมทานกุ้งไม่ได้ ทางร้านเปลี่ยนเป็น cottage cheese มาให้แทนครับ ตัวชีสย่างมา เนื้อนุ่ม เหมือนเต้าหู้ เสิร์ฟมาอุ่น ส่วนซอสรสเปรี้ยวหวาน
เมนูที่ 19 ??เป็น รูปธงสหราชอาณาจักรเพราะเป็นแซนด์วิช Chicken Tikka Masala เมนูยอดนิยมของคนอังกฤษ ด้านบนล่างเป็นเมอแรงทำจากมะเขือ ตัวซอสตรงกลางครีมๆ ไม่เผ็ดมาก ทานแล้วติดๆ เพดานปากครับ
แก้วนี้เป็น Cabernet Franc จาก Jauma Birdsey Vineyard ประเทศออสเตรเลีย กลิ่นออกหนังๆ
เมนูที่ 20 ?เป็นเหมือนแป้งดำๆ ร้อนกรอบ ไส้ข้างในร้อนๆ เป็นเห็ดชิตาเกะกับถั่วแระญี่ปุ่น ทานเมนูนี้ผมนึกเผือกทอดของจีน ด้านบนโรยด้วยผงโรยหัวหอม
เมนูที่ 21 ? เป็นห่อหมกแบบอินเดียครับ ข้างในจะมีข้าวและปูอยู่ในใบตอง ซึ่งต่อก่อนเสิร์ฟเค้าจะมาเผาให้ ทำให้มีกลิ่นหอมของใบตอง โดยไม้ข้างล่างเป็นไม้ซีดาร์ของญี่ปุ่น
ทานคนละหนึ่งห่อ
ของผมเชฟใส่เป็นเห็ดมาให้แทนเนื้อปูครับ เปิดมามีกลิ่นหอมโชยจากใบตองและไม้ไหม้ เมนูนี้รสชาติ เผ็ดร้อน เปรี้ยว ข้าวที่ใส่มาเป็นข้าว basmati ที่ใช้ทำข้าวหมกหนึบๆ หน่อยแล้วก็มีถั่วกรุบๆ ด้วย เมนูนี้ผมก็ชอบครับ
ไวน์แก้วสุดท้ายเป็น Riesling ของเยอรมัน จากโรง Wagner-Stempel หวานฉ่ำเลยครับตัวนี้ เสิร์ฟให้ทานพร้อมกับขนม
เมนูที่ 22 ?ขนมหวานเมนูแรก ตอนยกมานี่ผมนึกถึง beauty and the beast เลย แล้วพนักงานก็เล่าว่าแรงบันดาลใจมาจาก beauty and the beast จริงๆ ครับ
เปิดฝาออกมาเป็นแบบนี้ ตัวดอกทำจากบีทรูท เนื้อหนึบเปรี้ยว ข้างล่างเป็นชอคโกแลตคุกกี้ รสขมๆ
เมนูที่ 23 ?เป็นแป้งบางทอดกรอบๆ นึกไปถึงขนมดอกจอก มีแยมราสเบอรี่รสเปรี้ยวหวาน แล้วก็ไอศครีมที่ทำจากกุหลาบ ส่วนผีเสื้อทำจากถั่วเหลืองครับ อร่อยดีแต่ติดที่ผมไม่ชอบกลิ่นกุหลาบเท่าไหร่
เมนูที่ 24 ?เป็นโอริกามิใส่ไส้คาราเมล ตัวแป้งทำจากถั่วเหลืองพับเหมือนกระดาษที่เคยเล่นทายดวงตอนเด็กๆ
ส่วนไส้เป็นคาราเมล 4 แบบ คือ มิโสะ เกลือ ชอคโกแลต และราสเบอรี่ คำนี้หนึบ หวานเค็ม กรอบนิด อร่อยดีครับ
เมนูสุดท้าย เมนูที่ 25 ☯เป็นไอศครีมสองอย่างคืองาขาวและกาแฟครับ
งารสคั่ว ขม ผสมรสหวาน ส่วนกาแฟ เย็นๆ หนึบ อร่อย ชอบครับ
ก่อนกลับพนักงานมาเรียงไวน์ให้ดูว่าเราดื่มตัวไหนไปบ้าง
แล้วก็ใบเฉลยชื่อของแต่ละเมนู ซึ่งเมนู Lick it Up เป็นสมองแกะ ฮ่าๆ
อาหารออกเร็วและต่อเนื่องดี โดยรวมอร่อยประทับใจหลายเมนูเลยครับ พวกไปโผล๊ะๆ ในปากนี่ชอบมาก แต่รสเครื่องเทศรู้สึกว่าจะ mild กว่าอาหารอินเดียปกติไปนิดหน่อย คือไม่ค่อยถึงใจ ไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจให้รสมันอ่อนรึเปล่านะครับ
มีเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับอาหารแต่กวนใจอีกสองอย่างคือ วันที่ไปโต๊ะที่นั่งใกล้ๆ กัน คุยเสียงดังโช้งเช้งมาก ดังจนแบบเสียบรรยากาศ ก็เลยรู้สึกเซ็งนิดๆ อีกอย่างคือพนักงานผู้หญิงที่ดูแลโต๊ะของเราดูเหมือนไม่ค่อยแฮปปี้ ไม่ค่อยอยากอธิบายแต่ละเมนูเท่าไหร่ ซึ่งกลับกัน บางจานเป็นพนักงานผู้ชายมาเสิร์ฟและอธิบายอยู่ 2-3 จาน ดูยิ้มแย้มและเป็นมิตรกว่ามากๆ ครับ
ก็เลยทำให้ประสบการณ์โดยรวมค่อนข้างผิดหวังนิดหน่อย คือเมนูอาหารอร่อย แปลก ประทับใจจริง แต่บริการและบรรยากาศวันที่ไปไม่ค่อยดี อาจจะเป็นโชคร้ายของผมเองด้วยครับ
ถ้าสนใจอยากไปลองจองผ่านเว็บไซต์อาจจะต้องล่วงหน้านานพอสมควร แนะนำว่าให้โทรไปที่ร้านสอบถามวันและเวลาที่ทางร้านอาจจะยังว่างอยู่ จะมีโอกาสได้ทานเร็วขึ้นครับ
Gaggan หลังสวน
เบอร์โทร : 02 652 1700
เปิด : จันทร์-เสาร์ วันละ 2 รอบ 18.00 และ 21.30 วันอาทิตย์ปิด
เว็บไซต์
เพจ
foursquare