สำหรับร้านที่แวะไปวันนี้เป็นร้านที่ต้องยอมรับว่าก่อนที่ทางร้านจะได้รับดาวมิชลินนั้นผมไม่เคยรู้จักมาก่อนครับ คือรู้จักตัวโรงแรม Le Bua รู้จักตัวตึก รู้จัก Sirocco Bar ที่อยู่ชั้นบนของโรงแรม
ร้านนี้มีชื่อว่า Mezzaluna อยู่บนชั้น 65 ของตึก state tower บนถนนสีลมครับ ที่นี่เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสที่มีการผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นลงไปด้วย เนื่องจาก Ryuki Kawasaki เชฟใหญ่ของเป็นชาวญี่ปุ่น โดยเมนูจะเป็น Tasting Menu เท่านั้นครับ
ผมมาถึงที่ชั้นล่างของโรงแรม ก็มีพนักงานของทางร้านมาต้อนรับ สอบถามชื่อที่จองไว้ จากนั้นก็พาไปขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 64 แล้วก็ขึ้นบันไดไปยังชั้น 65 ซึ่งอยู่ใต้โดมสีทองชั้นบนสุดนั้นเอง บรรยากาศตกแต่งแบบหรูหราแต่ไม่เวอร์มาก โดยที่โต๊ะริมกระจกจะเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยงามมากๆ ครับ มีวงดนตรีสี่ชิ้นบรรเลงเพลงชิลล์ๆ
อาหารเสิร์ฟทั้งหมด 7 รายการ รวมขนมหวาน และมี Wine Pairing ให้เลือก 2 ลิสต์ คือธรรมดาและพรีเมียมครับ สำหรับเมนอาหารมีสองเมนูทะเลที่ผมทานไม่ได้ทางร้านก็เลยเปลี่ยนให้ จากจานที่เป็นลอบสเตอร์ก็เป็นปลาแทนครับ
ออกจากลิฟต์มาชั้น 64 ก็เดินขึ้นบันไดโค้งไปยังชั้น 65 ครับ
วิวแม่น้ำเจ้าพระยาตอนประมาณหกโมงเย็น ยังไม่มืดดี
บรรยากาศภายในร้าน
บรรยากาศภายในร้าน
บรรยากาศภายในร้าน
ตู้ไวน์สวยงามเลยครับ
พอฟ้ามืด ไฟสวยงามเลย
หลังจากสั่งอาหารเสร็จ Amuse Bouche ก็มาเสิร์ฟ มีทั้งหมดสี่อย่างครับ
เริ่มด้วยหอยนางรมตัวเล็ก รส mild ด้านบนเป็นผักดองแบบญี่ปุ่นกรุบๆ แล้วก็มีเยลลี่แชมเปญด้วย
คำต่อมาเป็นหัวบีทรูทกรุบๆ ไส้เป็นปลาไหล มีครีมฮอร์สแรดิช รสเค็มหวานเข้มข้น ด้านบนเป็นคาเวียร์
คำที่สามเป็นฟัวกราครับ เป็นครีมรสเค็มมัน ตัวขอบกรอบๆ รสหวานเค็ม
คำสุดท้ายเป็นบีทรูทรสหวานเปรี้ยว ตัวโฟมเป็น Goat Cheese กลิ่นแรง ฉุนหน่อย ด้านล่างเป็นกัซปาโช ชอบครับ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบกลิ่นนี้ครับ
เนยมีแบบธรรมดาและฝั่งขวาเป็นแบบใส่คอมบุ
คมปังมีให้เลือกทั้งหมดสามแบบ ผมหยิบมาสองคือ ซาวโดว์และเห็ด ซาวโดว์ขอบแข็งกรอบ ข้างในหนึบ ส่วนเห็ดเนื้อนุ่มคล้ายครัวซองมีรสเห็ดบางๆ ส่วนตัวชอบแบบเห็ดมากกว่าครับ
ไวน์แก้วแรก ออกพีช ซ่า เปรี้ยว ฟรุตตี้ มีควันนิดๆ
เริ่มจานแรกด้วยเมนู ‘Ama Ebi’ หรือกุ้งหวาน จานนี้เป็นของพี่สาวครับ
ผมทานกุ้งไม่ได้ เชฟเลยเปลี่ยนอโวคาโดให้แทนครับ เนื้อเนียนมัน รอบๆ เป็นแป้งพายขอบแข็งหน่อย ผักด้านในกรุบๆ มีชิ้นแอปเปิ้ลรสเปรี้ยวหวาน แตงดอง แล้วก็เยลลี่ทำจากดาฉิ ด้านบนเป็นเบลูก้าคาเวียร์กรุบรสเค็มอ่อนๆ ลายที่จานก็เป็นฮโวคาโดบดครับ
ไวน์ตัวที่สองหอมหวานแบบน้ำผึ้ง กลิ่นเหมือนพวก Late Harvest เป็นองุ่น Chardonnay เอาไปเอจในถังโอค แต่รสไม่หวานมาก ฉ่ำ ดราย บอดี้บางหน่อย แรง
ไวน์บางขวดจะมีที่ปิดแบบนี้ เข้าใจว่าเพื่อให้อายุยาวขึ้นถ้าเปิดแล้วเสิร์ฟไม่หมด
จานที่สองของพี่สาว ‘Kamchatka Crab’ เป็นปู ผมเลยต้องผ่านเช่นเคย
ซึ่งในเมนูมีให้เลือกอีกอย่างคือ ‘Foie Gras’ ฟัวกราเสิร์ฟมาขอบเกรียม คาราเมลไลซ์ กรอบ ด้านในเนื้อนุ่ม ครีมมี่ รสเข้มข้นดีครับ ด้านนอกเป็นเซเลอรี่ รส กลิ่นนี่ออกเป็นคื่นช่ายชัด ด้านบนมีผักกรุบๆ แล้วก็โรยด้วยครัมเบิล ตัวซอสรสหวานเค็มมันครีมๆ
แก้วต่อมาทางร้านเสิร์ฟเป็นสาเกครับ ทานคู่กับเมนูปลาจานต่อไป ตัวนี้กลิ่นฟรุตตี้ ออกกลิ่นกล้วย แอปเปิล หวาน แอลกอฮอล์แรง อาฟเตอร์เทสต์ข้าวๆ หน่อย
อีกจานของพี่สาวเป็นลอบสเตอร์ย่างมิโสะ ผมได้เปลี่ยนเป็นจานปลาแทน
เป็นปลาซันมะ เนื้อนุ่ม หวาน ผิวสัมผัสคล้ายปลาซาบะ ปรุงมาได้สุกกำลังดีเลยครับ คือไม่แห้งแข็ง ผักในจานก็เป็นมะเขือม่วงสีเขียวนุ่มๆ มะเขือเทศเชอรี่เปรี้ยว ผสมกับขิง เสิร์ฟมาอุ่นๆ ส่วนน้ำซุป รสกลมกล่อมซับซ้อนดี รสแฮมๆ ทานแล้วเข้ากับสาเกมากๆ จิบสาเกตามนี่หวานเลย
คั่นด้วยบรรยากาศแม่น้ำตอนหัวค่ำครับ
ไวน์แก้วต่อมาเป็น Chardonnay จากออสเตรเลีย ตัวนี้ออกหนังๆ รสหวาน บอดี้กลาง คม ฉ่ำ มีเปรี้ยวนิดๆ
‘Nodoguro’ หรือปลาคอดำนำไปย่าง ตอนแรกรู้ว่าว่าปลากลิ่นแรงแต่พอชิมก็สดใหม่ปกติ ไม่คาว ปรุงมาสุกกำลังดีมากเช่นกัน เนื้อนุ่มละมุน ส่วนหนังกรอบรสเค็ม รสกระเทียม น้ำราด Bouillabaisse รสเข้มข้น ด้านล่างเป็นผักกรุบๆ มีเห็ดเห็ด แครอท มะเขือเทศ โรยด้วย ครัมเบิลที่ทำจากขิง
ไวน์แดงแก้วแรกเป็น Malbec จากอาเจนตินาครับ หอมหวาน แบบแบลคเคอแรนท์ เบอรี่ กุหลาบ ค่อนข้างดราย จิบๆไป รู้สึกแรงเหมือนกัน
ทานคู่กับเมนูเป็ดครับ เป็นส่วนขาและอก มีเห็ดทรัฟเฟิลดำทอปมาด้านบน ชิ้นข้างหลังเป็นซาโมซ่าเป็ด รสเปรี้ยวกินแล้วรู้สึกเหมือนแหนมมีครีมมี่จากฟัวกรา แป้งบางกรอบร้อน ส่วนชิ้นข้างหน้าเป็นเนื้อและหนังเป็ดนุ่มๆ ทานกับไวน์เข้ากันดี
พนักงานยกเนื้อวัววากิว มุราคามิ A5 จากจังหวัดนีงาตะมาให้ชมก่อนจะนำไปปรุง
โดนเมนูนี้จะปรุงให้สุกด้วยถ่านขาวบินโจตัน
สำหรับเนื้อจานหลักจะทานคู่กับไวน์แดงบอร์โดจากฝรั่งเศส กลิ่นหอม รสเปรี้ยวนิด หวานหน่อย บอดี้ค่อนข้างหนา
พนักงานเชิญเราจากที่โต๊ะมายังครัวเผื่อชมระหว่างการตกแต่งจานหลักนี้ครับ
กำลังจัดวางอยู่เลย
หน้าตาสวยงาม
บรรยากาศภายในครัว
พนักแจ้งว่าก่อนรับประทานจานหลักให้ทานเยลลี่ยุสุเพื่อล้างปากก่อนครับ หนังมันดึ๋งๆ เหนียวนิด เย็น รสเปรี้ยว ด้านบนเป็นใบซิลเล็กๆ ให้รสมินต์ๆ
พอกลับมาที่โต๊ะ จานหลักก็ยกมาเสิร์ฟ เป็นเนื้อวากิว นีงาตะ มุราคามิ A5 นาบด้วยถ่านขาวบินโจตัน ซอสไวน์แดง ชิ้นเนื้อนุ่มมัน แต่เย็นไปนิด มีบางจุดหนึบๆให้พอเคี้ยว ส่วนซอสหวานคาราเมลไรซ์ เปรี้ยว ด้านบนโรยด้วยพริกไทย ที่เสิร์ฟมาด้วยกันเป็นไซด์เป็นมันฝรั่ง เนื้อนุ่มอุ่นครีมมี่ หอมทอด กระเทียม อร่อยครับ ชอบ
เนื้อนุ่มมันดีจริงๆ ครับ
จานแรกของ pre dessert เป็นไอศครีมชีสกอมองแบ ใส่ บรั่นดี แปลกดี กลิ่นชีสแรง แท่งๆ เป็นแอปเปิ้ลรสหวาน เค็ม
อีกจานเป็น มูสงาดำราดด้วยแพสชั่นฟรุต ตัวแผ่นกรอบๆ ด้านบนก็เป็นแพสชั่นฟรุตครับ กินแล้วติดฟันหน่อย ตัวมูสรสงาๆ ตัดกับรสเปรี้ยวหวานของแพสชั่นฟรุต
ไวน์แก้วสุดท้ายเป็นไวน์หวานเสิร์ฟกับของหวาน ออกแอพริคอต รสหวาน ฉ่ำๆ แบบน้ำผึ้ง บอดี้หนา แบบ Late Harvest
ของพี่สาวทานเป็นชอคโกแลตมูส ค่อนข้างขม ตามด้วยหวาน มีเปรี้ยวๆ ขอบกรุบๆ
ส่วนของผมเองเป็น ‘Yuzu Sorbet’ ด้านบนโฟมยุสุ รสเปรี้ยวขม ตามด้วยรสหวาน ข้างล่างขอบกรุบๆ บางเหมือนขนมเบื้องหรือเครปประมาณนั้นครับ รสจืด ชืดๆ แต่เนื้อเนียน ไส้ตรงกลางรสเปรี้ยว เย็น สดชื่น เข้ากับไวน์ดีมาก
แล้วก็โชคดีได้ดูพลุจากกลางแม่น้ำครับ พนักงานแจ้งว่าบางทีถ้ายอดจองห้องถึง โรงแรมโอเรียนเตลเค้าจะจุดฉลอง (ไม่แน่ใจว่าจริงแค่ไหนยังไงนะครับ)
ปิดมื้อด้วย Petit four ซ้ายสุดเป็นเยลลี่มะพร้าวดึ๋งๆ ออกควัน รสหวาน ชิ้นที่สองเป็นชอคโกแลตไส้วาซาบิ ไม่เผ็ดแต่ได้รสวาซาบิแปลกดีครับ ชอคโกแลตไม่หวาน ออกขม ชิ้นที่สามเป็นแป้งกรอบๆ ตัวไส้เปรี้ยวๆ ชิ้นสุดท้ายเป็นมูสเลมอนรสเปรี้ยวตัวหนามเป็นเมอแรง ส่วนพายที่ด้านล่างกรอบอร่อยดี
รับประทานเสร็จพนักงานก็จะนำถุงมาให้
ด้านในเป็นผงซุปสาหร่ายพร้อมชงกับน้ำมันพริก
แล้วก็จะให้ใบเมนูกลับมาที่บ้านด้วยครับ
จากนั้นพนักงานก็ถามว่าเคยมาตรงชั้น 64 ยังแล้วก็พาเราลงมาชมวิวครับ
วิวสวยงามเลย บรรยากาศดีลมแรง
โดยรวมอาหารอร่อยดีครับ ขนาดกำลังดี timing ในการเสิร์ฟดีมาก เป๊ะ คือไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป ก่อนไปอ่านมาว่าขนมปังอร่อย อย่าทานเยอะเพราะจะจุก ฮ่าๆ พอได้ชิมก็เข้าใจ อร่อยจริง จาน Signature ที่เป็นเนื้อวากิวก็อร่อย นุ่มมันกำลังดี Wine Pairing เข้ากันดีกับอาหารแต่ละจาน มีนิดนึงที่ผมรู้สึกว่าการจัดวางบางจานดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่รสชาติดีนะครับ
สรุปว่าเป็นมื้อที่ประทับใจมากที่สุดมื้อหนึ่ง ยอมรับเรื่องบริการ ความสุภาพและเป็นกันเองของพนักงานทุกคนเลยครับ ยิ้มแย้มอัธยาศัยดี
บรรยากาศของร้านก็สบายๆ แม้ว่าจะดูหรูหรา เนี้ยบๆ แต่ไม่เกร็งเลย สมราคาที่ได้ 2 ดาวมิชลิน ถ้ามีโอกาสเป็นร้านที่น่ามาลองอย่างยิ่งครับ
Mezzaluna โรงแรม Lebua
เบอร์โทร : 02624 9555
เปิด : 18.00-01.00 ปิดวันจันทร์
เว็บไซต์
เพจ
foursquare
เมนูเครื่องดื่ม
เมนูเครื่องดื่ม
เมนูคาเวียร์
ราคาหอยนางรม
เมนูอาหาร