เมื่อเดือนตุลาคมผมมีภารกิจที่สิงคโปร์นิดหน่อยครับ ซึ่งลิสต์ร้านอาหารที่จดเอาไว้นี่มีเยอะมากๆ ทั้งอาหารแบบสตรีดฟู้ด หรือร้านแบบหรูหรา โดยทริปนี้มีหนึ่งร้านที่อยากไปลองมาก ดูรูปเอย อ่านมาเอย ดูไปน้ำลายไหลไป
ร้านที่ว่านี้คือ ‘Burnt Ends’ ครับ ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของเมนูที่ปรุงอาหารด้วยการรมควัน เตาย่าง และเตาอบ ผสมผสานกับอาหารแนว Modern Gastronomy ซึ่งเป็นเทคนิคถนัดของ Dave Pynt เชฟใหญ่ชาวออสเตรเลีย ผู้ซึ่งฝึกฝนประสบการณ์มาแล้วทั่วโลก ร่วมถึงร้านอันดับหนึ่งของโลก อย่าง Noma ที่โคเปนเฮเกน
โดยเมนูอาหารจะเปลี่ยนไปทุกวันตามวัตถุดิบที่ได้มา มีคำเล็กๆ ให้เลือกทานเยอะหน่อย แล้วก็มีจานหลักเป็นสเต็กประมาณนี้ครับ ซึ่งเราสามารถเลือกสั่งเองทีละจานก็ได้ หรือถ้าคิดไม่ออกก็สามารถสั่งเป็น chef’s select เค้าจะจัดจานที่เชฟอยากนำเสนอให้เราได้ชิม
ผมจองร้านได้ในมื้อเย็นของวันศุกร์ครับ ตามปกติแล้ว ร้านจะเปิดเฉพาะมื้อเย็นวันอังคารถึงเสาร์ แต่ศุกร์เสาร์จะมีเพิ่มมื้อกลางวันด้วย ซึ่งการจองร้านนี้เป็นการจองที่ยากพอสมควร ผมใช้การเปิดดูเว็บของร้านตลอดเวลาทั้งวัน กว่าจะได้ก็ยากพอสมควรนับว่าโชคดีมากครับ ทางร้านไม่แนะนำให้ walk-In แต่ถ้าจองไม่ได้อาจจะลองมาดูเผื่อโชคดีครับ
สำหรับที่นั่งนอกจากเคาท์เตอร์ที่จองยากสุดแล้วก็จะมี Bar Seat ซึ่งหันหลังให้ครัวอีก 6 ที่นั่ง แล้วก็โต๊ะ Chef’s Table อยู่ด้านใน นั่งได้ประมาณ 6-8 ที่ และห้องชั้น 3 สำหรับจัด Private Party ครับ
มาถึงวันที่นัดผมมาถึงก่อนเวลาที่จองไว้นิดหน่อยพอถึงเวลา 6 โมงเย็นพนักงานก็ออกมาสอบถามชื่อและพาเข้าไปนั่งในร้าน ตัวร้านเป็นอาคารพาณิชย์ขนาดหนึ่งห้อง ภายในร้านฝั่งขวามือเป็นเคาเตอร์ไม้ลึกยาวเข้าไปด้านใน ซึ่งหลังเคาเตอร์ก็คือครัวแบบเปิด ซึ่งมีเตาอบขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ตรงมุม ส่วนตรงกลางเป็นเตาเล็กๆ และโต๊ะปรุงอาหาร มีเชฟและทีมงานเดินกันไปมา จัดแต่งแต่ละเมนู สร้างบรรยากาศให้ดูคึกคักตลอดเวลาเลยครับ
นั่งเสร็จพนักงานมาสอบถามเรื่องน้ำดื่ม ว่าจะรับแบบไหน จากนั้นผมก็สั่งอาหารเป็นแบบ Chef’s Select ให้เชฟเลือกครับ แล้วตัว Sous Chef ก็จะมาทักทายพูดคุยสอบถามว่าแพ้อาหารอะไรบ้างไหมและหิวแค่ไหน เพื่อจะได้กะจำนวนจานที่จะเสิร์ฟให้ได้
รอไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟครับ อาหารออกกำลังดีไม่ช้าไม่เร็วเกินไป เชฟจัดให้ผมมาทั้งหมด 10 จานครับ แต่ละจานพรีเซนเทชันสวยงาม รสชาติเข้มข้นติดเค็มหน่อย ทำให้รู้สึกว่าน่าจะดื่มเบียร์มากกว่าไวน์ แต่ดันสั่งไวน์ไปแล้ว
ด้านหน้าร้านครับ
บรรยากาศภายในร้าน
เมนูว่าตามแต่ละที่
บรรยากาศในครัว
เตาตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหัวมุมของครัว
มื้อนี้ผมสั่งน้ำเปล่าแบบ still ครับ
ส่วนไวน์แก้วแรกผมสั่งเป็น 2017 ‘CHN’ Chenin Blanc ของ Brash Higgins รสเปรี้ยว รีเฟรชชิ่งดี มีควันนิด ค่อนข้างดราย
พนักงานยกเนื้อมาให้ดูก่อนปรุง ผมฟังไม่ทันว่าเป็นเนื้อส่วนไหนครับ
ไม่นานเมนูแรกก็มาเสิร์ฟ หนึ่งในเมนูดังของร้าน ‘Smoked Quail Egg Caviar’ เป็นไข่นกกระทารมควัน ตัวไข่ขาวดึ๋งๆ หอมกลิ่นสโมค ส่วนไข่แดงเหลว ด้านบนทอปด้วยคาเวียร์ รสเค็มมัน อร่อยครับ
Grissimi & Taramasalata เป็นแผ่นอบกรอบมีรสขมหน่อย ทาด้วย Taramasalata หรือดิปแบบกรีซ อ่านในวิกิเขียนทำจากไข่ปลาครับ ออกครีมมี่ โรยหน้าด้วยดิลล์และต้นหอมซอย
Steak Frites เป็น tartare ที่ทอปด้วยคาเวียร์ ส่วนด้านหลังเป็นมันฝรั่งที่ตัดแต่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมพอดีคำตรงขอบกรอบๆ หน่อย ข้างในนุ่ม ส่วนเนื้อวัวหนึบๆ มีรสเค็มมันจากคาเวียร์ครับ คำนี้ชอบมาก
จานนี้เป็นคอไก่ย่าง ปรุงรสด้วยพริกไทยขาว นุ่มๆ ดึ๋งๆ เผ็ดพริกไทยครับ
‘Jamaican Chicken’ เป็นไก่ย่างเนื้อนุ่ม แต่แน่น หอมกลิ่นครื่องเทศ
เสิร์ฟมาพร้อมกับ Lime Crema ซอสครีมรสเปรี้ยว
ไวน์แก้วที่สองเป็น Shiraz จากโรง Dutschke ออสเตรเลีย บอดี้หนา ออกกลิ่นหนังๆ ค่อนข้างแรง จิบๆไปนี่ร้อนเลย
Eggplant Miso เป็นมะเขือม่วงเอาไปชุบแป้งทอดแบบเทมปุระ ทอดมากรอบดีไม่อมน้ำมัน มีกลิ่นควันๆ ตัวเนื้อมะเขือข้างในเหลวๆ มิโสะตอนแรกโอเค คำหลังๆ เค็มไปนิดครับ มีเผ็ดพริกนิดหน่อยด้วย จานนี้ผมชอบมากครับ อร่อย
อีกหนึ่งเมนูดังของร้านครับ ‘Beef Marmalade’ เป็นเนื้อเปื่อยๆ หวานแบบคาราเมลไลซ์ โปะมาบนขนมปังเนื้อนุ่มขอบแข็งเนื้ออุ่นๆ หนึบ ด้านบนเป็นแตงดอง คำนี้ก็อร่อยครับ
Garlic Shoot เสิร์ฟมาพร้อม Gremolata มีความกรุบๆ เหมือนแอสพารากัส ราดด้วยน้ำมัน และก็ออริกาโน ตัวครีมรสเปรี้ยวนิดหวานหน่อย
รู้สึกไวน์แดงแรงไป เลยกลับมาสั่งไวน์ Oakridge 864 เป็น Chardonay ดราย หนา สดชื่นดีครับ
บรรยากาศในครัว
เห็ดไมตาเกะและไข่แดงเสิร์ฟมาบนข้าวต้มเละๆ ครับ เมล็ดหนาควันๆ อารมณ์เหมือนข้าวก้นหม้อ ตัวเห็ดนุ่ม ควัน รสเค็ม ส่วนไข่แดงหนืดๆ ชอบเหมือนกันครับเมนูนี้
ขนมปัง Bone Marrow เนื้อนุ่ม ตรงขอบกรอบๆ ค่อนข้างมันพอสมควรครับ รสออกหวาน มีเปรี้ยวนิดๆ
เสิร์ฟมาพร้อมกับจานหลักเป็น Flat Iron Steak
เนื้อนุ่ม กลิ่นควันมาเต็ม รสออกเค็มหน่อย ตัวซอสเป็น onion puree รสเปรี้ยวมัน หวานนิด
เนื้อสุกกำลังดี สวยงาม
ปิดท้ายด้วยของหวาน ‘Chocolate Fondantand Smoked Ice Cream’
เป็นอีกเมนูที่ผมชอบครับ ตัวชอคโกแลตข้างล่างจะเหลวๆอยู่ข้างใน เนื้อหวานนุ่ม แต่ทีเด็ดคือไอศครีมด้านบน ที่เป็นรสควันๆ แบบสโมค แปลกดี ชอบครับ
ตามด้วย Mash Mellow ขอบกรอบเกรียม รสหวานเปรี้ยว ข้างในเหลวๆ รสเหมือน Marmalade ส้ม
ก่อนกลับมีคุกกี้และชอคโกแลตให้อีกอย่างละคำ ชอคโกแลตขอบแข็ง ไส้เป็นคาราเมลเหลวๆ หวาน ส่วนคุกกี้กรอบ ไส้เป็นครีมหวานๆ
ส่วนข้างล่างนี้เป็นของมื้อกลางวันที่ผมไปอีกทีครับ
จานนี้ Belly Chop เป็นหมูสามชั้น อารมณ์เหมือนคอหมูย่างครับ รสเผ็ดเปรี้ยว เสิร์ฟมานุ่มอุ่น ทานคู่กับซอสแอปเปิ้ลและราสเบอรี่รสหวานๆ
ส่วนของผมเป็น Dry Agred Beef Rib
กลิ่นแบบฟังกี้สุดๆ ครับ เหมือนเกือบจะเน่าแล้ว ฮ่าๆ หนึบๆ หน่อย รสเค็มกำลังดี ตัวซอสเป็นมัสตาร์ด เข้ากันดีมากๆ
ส่วนจานหลักของพี่ชายเป็น Tenderloin ครับ เนื้อนุ่ม กลิ่นควันๆ ไหม้ๆ ทานคู่กับbone marrow purée อร่อยดีเช่นกัน
ขนมหวานวันนี้เป็นพายขอบกรอบ รสหวาน ผสมกับรสเปรี้ยวเบอรี่ ด้านบนเป็นครีมเนียนๆ ล้างปากดีครับ
ส่วนตัวแล้วประทับใจทุกเมนูครับ ไข่นกกระทาก็อร่อย Beef Marmalade ก็เจ๋ง ที่ชอบมากก็คือมะเขือม่วงชุบแป้งทอดราดมิโสะ (แต่เค็มไปนิด) สเต็กจานหลักและขนมหวานก็อร่อยมากครับ
ทีนีวันแรกที่ไปผมไปคนเดียวก็เลยอยากให้พี่ชายได้ทานด้วยแล้วคิววันเสาร์ตอนมื้อกลางวันก็ว่างพอดีผมเลยจองมากินซ้ำสองวันติด Sous Chef เห็นหน้าแล้วขำเลยแบบ เฮ้ยมาอีกหรอ แต่วันที่สองผมสั่งแค่ไม่กี่จานไม่ได้สั่งเป็น Chef’s Select ครับ
โดยรวมชอบเลยครับร้านนี้อาหารอร่อย บรรยากาศดีสบายๆ พนักงานสุภาพและบริการดีมาก เป็นอีกร้านในสิงคโปร์ที่น่ามาลองมากครับ แต่การจองยอมรับว่าค่อนข้างยากจริงๆ ยิ่งล่าสุดก็เพิ่งได้รับดาวมิชลินยิ่งทำให้คนอยากมาเพิ่มขึ้นอีก ยังไงลองเข้าเว็บเริ่มๆ อย่างที่ผมทำดูครับ ฮ่าๆ
Burnt Ends สิงคโปร์
เบอร์โทร : +65 6224 3933
เปิด : มื้อเย็น อังคาร-เสาร์ 18.00 และ 20.00 มื้อกลางวัน ศุกร์-เสาร์ 12.00
เว็บไซต์
เพจ
foursquare