วันที่ 5 ของทริปคิวชู กรุปของเราออกเดินทางไปยังเมืองอื่นอีก 1 วันครับ แต่เป้นแบบไปเช้าเย็นกลับ ไม่ได้ค้างที่ไหน สำหรับที่หมายของเราในวันนี้คือสถานที่เที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆของคิวชู นั่นก็คือ Huis Ten Bosch นั่นเองครับ
Huis Ten Bosch (เฮาส์ เท็น บอส) เป็นสวนสนุกขนาดมหึมา จริงๆเรียนว่าเมืองก็พอได้เลยด้วยซ้ำครับ อยู่ใน Nagasaki แต่ก็ไม่อยู่ในตัวเมือง อยู่นอกตัวเมืองมาพอสมควร ดังนั้นไม่จำเป็นว่าต้องมาพัก Nagasaki เพราะใช้เวลาเดินทางจาก Fukuoka หรือ Nagasaki ก็พอๆ กันคือประมาณ 2 ชั่วโมงครับ แนะนำว่าจะให้เต็มอิ่มจริงๆ ควรพักโรงแรมในบริเวณนี้เลยซัก ซัก 1-2 คืนน่าจะโอเคครับ
ส่วนตัวนั้นเคยได้ยินชื่อและดูรูปมา 2-3 ที ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรืออยากมาอะไรมาก คิดว่าก็คงเป็น Theme Park ทั่วไปอะไรงี้ แต่พอมาถึง ได้เดินนี่เลยเข้าใจว่าทำไมมันฮิต มันดัง คือขนาดมันอลังการมากๆ แล้วตัวตึกอาคารตั้งใจทำสวยงาม ดูไม่ก๊อกแก๊กๆ คือต้องใจก๊อปแบบเนียนๆเลย ขนาดของพื้นโดยรวมประมาณ 1.50 ตารางกิโลเมตร
ชื่อ Huis Ten Bosch นั้นมาจากพระราชวังของราชวงศ์ดัตช์ ซึ่งทำให้ที่นี่มีตึก สถาปัตยกรรม รวมถึงชื่อ ศัพท์ต่างๆ เป็นภาษาดัตช์ (เนเธอร์แลนด์/ฮอลแลนด์) ทั่งหมด หลายๆ ตึกก็จะจำลองมาจากเนเธอแลนด์เลยเช่น หอคอย Domtoren เป็นต้น ภายในก็จะแบ่งเป็นหลายโซนๆ บางโซนเป็นสวนสนุก มีเครื่องเล่น บางโซนเป็นสวน บางโซนเป็นมิวเซียมเล็กๆ มีโซนร้านอาหาร ร้านเครื่องดืม มีส่วนล่องเรือ คือกิจกรรมมันเยอะมากจริงๆครับ
กลับมาผมยังมาเปิดอ่านดูข้อมูลประวัติของที่นี่เลยครับ เพราะมันอลังการมาก ก็เจอคร่าวๆว่าเปิดตั้งแต่ปี 1992 มีคนมาเที่ยวถึง 4.25 ล้านคนในปี 1996 แต่ซักพักคนเริ่มซาๆ จนสวนสนุกแห่งนี้ล้มละลายในปี 2003 โดยเป็นหนี้กว่า 220 ล้านล้านเยน ! (60ล้านล้านบาท) ก็เลยมีแผนปรับปรุงเปลี่ยนมือไปมาอยู่หลายเจ้าจนถึงปัจจุบัน ล่าสุด ตอนปี 2010 นี่ H.IS. เอเยนซี่ท่องเที่ยวเจ้าดังยังร่วมลงทุนอัดฉีดเงินถึง 2 ล้านล้านเยน
เส้นทางจาก Fukuoka สู่ Huis Ten Bosch ครับ (รูปจา Japan guide)
แผนที่โซนต่างๆภายใน Huis Ten Bosch (รูปจากแผ่นพับของ Huis Ten Bosch)
ซื้อข้าวกล่องขึ้นมาทานบนรถไฟครับ
เปิดออกมาเป็นข้าวหน้าเนื้อครับ
รถไฟมาถึงสถานีแล้วครับ
โลโก้สวยงามครับ
จากสถานีเราก็จะเห็นตึกนี้อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ
สถานี Huis Ten Bosch ครับ
ข้ามสะพานไปอีกฝั่ง
ก็ที่จะมาผมเข้าใจผิดคิดว่าตึกนี้แหละคือ ‘Huis Ten Bosch’ จริงๆแล้วมันคือโรงแรม Hotel Okura ที่อยู่บริเวณทางเข้า Huis Ten Bosch ครับ
มาถึงทางเข้าแล้วครับ
ราคาค่าตั๋วแบบต่างๆ
ผมซื้อเป็นตั๋ว 1 DAY Pass มา
ตึกแรกที่เจอคือ Teddy Bear Kingdom
เป็นโซนที่สาวๆ น่าจะชอบครับ
ส่วนแรกๆ ก็จะเป็นประวัติของ Teddy Bear
ว่ามีที่มายังไง ใครเป็นคนให้กำเนิด
Teddy Bear แบบต่างๆ
หมีพูห์ก็มา
ตัวนี้ขยับได้ด้วย
เป็นคณะละครสัตว์เลย
ด้านนอกมีตัวใหญ่เลย
ออกมาด้านน้องมีชอปหมี Teddy Bear อยู่ครับ
อาคารต่างๆดูเป็นยุโรปมากๆ ครับ
มีกังหันแบบนี้ด้วยครับ หมุนได้จริง และสามารถเข้าไปด้านในได้ครับ
เดินต่อมาเจอร้านขายชีส
ครีมชีส !!
ภายในมีจำลองบรรยากาศเหมือนบ้านในชนบทของเนเธอร์แลนด์
มีร้องเท้าไม้ให้เด็กๆได้ถ่ายรูป
มีขายเบียร์ยี่ห้อ Grolsch เบียร์ดังอีกยี่ห้อของ เนเธอรแลนด์ครับ
ไวน์เป็นแก้วๆ
มีชีสหลากหลายชนิดเลย
อันนี้เป็นครีม ชีส
ออกมาจากร้านชีส เจอร้านไอศครีมเลยกินซะหน่อย อร่อยดีครับ
มีโปสเตอร์แปะโฆษณา การแสดง แสง สี เสียง ในตอนกลางคืน
เดินไปเดินมาเจอแก๊งค์ One Piece
Sausageswaag เป็นร้านขายไส้กรอกครับ
บรรยากาศในนี้เหมือนไปอยู่ยุโรปเลยจริงๆ
เห็นชิงช้าสวรรค์อยู่ไกลๆ ครับ
อันนี้เป็นร้านขนมครับ
มีคลองอยู่ภายใน มุมนี้ก็ยุโรปชัดๆ
ตึกสวยงามครับ
ตรงนี้เป็นลานกลางแจ้ง มีขายเครื่องดื่มและอาหารด้วย
สามารถซื้อมานั่งทาน แล้วก็ฟังเพลงไปพลางๆ
Domtoren เป็นอีกตึกนึงซึ่งเห็นได้แต่ไกล ด้วยความสูงของมัน หอคอยนี้สร้างเลียนแบบต้นฉบับที่อยู่ในเนเธอร์แลนด์ครับ wikiของต้นฉบับ
ก่อนจะขึ้นจะไปบน Domtoren เราแวะทานข้าวกันที่ร้าน De Rode Leeuw Steak Resto
มีที่นั่งแบบนี้เหมือนยุโรปเลย
บรรยากาศภายในร้านครับ
รอคิวประมาณ 20 นาทีได้ครับ
อาหารไม่นานมาก ซุปข้าวโพดมาเป็นอย่างแรก
ไส้กรอกอร่อยดีครับ หนังกรอบแน่นๆ
จานนี้เป็นแฮมเบิร์กสเต็ก นุ่มๆ รสกระเทียมเยอะครับ
ชิ้นนี้เป็น Sirloin นุ่มสุดๆครับ เข้าปากแล้วแบบจะละลาย
ตัวซอสเปรี้ยวๆแบบยุสุ
อีกจานเป็นเนื้อแบบบางๆ จานนี้จะเปรี้ยว มะนาวแบบสดชื่นๆ หอมควันๆ
ให้เข้ากับบรรยากาศ สั่งไวน์มาทานด้วยครับ เป็น Caberbet Sauvignon ของออสเตรเลีย
ทานข้าวเสร็จก็รอลิฟต์ขึ้นไปด้านบนของ Domtoren
ด้านบนเป็นจุดชมวิวครับ
เห็นรอบๆ Huis Ten Bosch
ชิ้นช้าสวรรค์
เห็นเรือโจรสลัดอยู่ลำเล็กๆ
มีที่จอดเรือเพียบๆ
ตรงนี้เป็นโซนที่มีดนตรีและอาหารขายครับ
รูปของ Domtoren อีกมุม
เดินมาขึ้นเรือโจรสลัดที่เราเห็นเมื่อกี๊
ส่วนที่เหลือขอให้ติดตามในตอนหน้าครับ ยาวจริงๆเรื่อง Huis Ten Bosch นี่
