Craft Beer

เยี่ยมชมโรงเบียร์ Rodenbach ที่เมือง Roeselare – ประเทศเบลเยี่ยม

529 views |

โปรแกรมช่วงบ่ายของพวกเราในวันที่ 3 ของทริป Road to Belgium หลังจากไปทานข้าวกลางวันและจิบเบียร์ที่ร้าน In De Vrede หน้าโรงเบียร์ Brouwerij de Sint-Sixtusabdij van Westvleteren เราเดินทางกันต่ออีกประมาณ 40 กิโลเมตรไปทางตะวันออก เข้าไปยังตัวเมือง Roeselare เพื่อจะเข้าเยี่ยมชมโรงเบียร์ Rodenbach ครับ

ตอนที่เรามาถึงฝนกำลังโปรยปรายเบาๆ พอให้หัวเปียก เจ้าหน้าที่ของโรงก็พาเข้าห้องประชุมของโรง แล้วก็เสิร์ฟกาแฟคนละถ้วยอย่างรู้ใจว่าบ่ายๆ แบบนี้ง่วงแน่นอน จากนั้นก็ให้ชม Video เกี่ยวกับโรงครับ แล้วก็เล่าประวัติต่างๆ เช่น ทำไมชื่อถึงดูเป็นเยอรมัน สาเหตุก็เพราะว่าบรรพบุรุษเป็นชาวเยอรมันชื่อ Ferdinand Rodenbach เป็นหมอทหาร ไปรบแล้วก็ถูกจับ พอได้รับการปล่อยตัวก็มาตั้งรกรากที่เมือง Roeselare ที่ตั้งของโรงเบียร์นี่เอง

โดยตัวโรง Rodenbach ก่อตั้งเมื่อ 1821 (ใกล้ครบ 200 ปีแล้ว) โดย 4 พี่น้อง(Pedro, Alexander, Ferdinand and Constantijn) ซึ่งเป็นรุ่นหลานของปู่ Ferdinand  หลังจากนั้นผ่านไป 15 ปี Pedro หนึ่งในสี่พี่น้องได้ซื้อกิจการทั้งหมดมาบริหารเองกับภรรยา พอถึงปี 1864 Edward ลูกชายของทั้งสองก็มาดูแลกิจการต่อ จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็คือปี 1878 ที่ Eugene ลูกของ Edward ได้เข้ามาบริหารต่อ เนื่องจากก่อนหน้านี้เค้าได้ไปศึกษากระบวนการผลิตเบียร์ที่อังกฤษเกี่ยวกับหมักเบียร์ในถัง Oak และการเบลนด์ระหว่างเบียร์เก่าและเบียร์ใหม่ ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นเบียร์ตัวดังของ Rodenbach นั่นเอง โรงเบียร์ Rodenbach วนเวียนอยู่ในลูกหลานและเครือญาติของตระกูลจนกระทั่งถึงปี 1998 Palm Brewery ก็เข้ามาซื้อกิจการไปครับ

พอดูจนเสร็จก็เริ่มทัวร์รอบๆ โรง โดยเริ่มจากส่วนของ Malting Tower เก่าแก่ของโรง (ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้ว) ต่อด้วยส่วนของการต้ม และถังหมัก และมีไฮไลท์อยู่ที่ถังไม้ Oak ขนาดใหญ่ (Foeder) ที่มีจำนวนมหาศาลเลยครับ คือเข้าห้องนึงออกห้องนึง ไปอีกชั้น ก็จะเจอทุกห้องแน่นไปด้วยถัง Foeder ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการบ่มเบียร์สไตล์ Flemish red-brown ales

ป้ายด้านหน้าโรง

 

บรรยากาศเมื่อเข้ามาด้านใน ที่เห้นตรงกลางคือ Malting Tower เก่าแก่ครับ

เข้ามานั่งกันที่ห้องประชุม

เสิร์ฟกาแฟด้วย รู้จักจริงๆ ครับ

พนักงานมากล่าวต้อนรับและเปิดวิดิโอให้ชม

พนักงานเล่าว่า บ้านหลังใหญ่อีกฝั่งของถนนเป็นของตระกูล Rodenbach ผู้ก่อตั้งแบรนด์

 

อาคารเก่า

 

ส่วนตึกนี้เป็นอาคารใหม่ หม้อต้มแบบใหม่ครับ

Malting Tower

มีป้าย Alexander Rodenbach Straat (Street) หนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงเบียร์อยู่ที่ด้านใน Malting Tower

ภายใน Malting Tower ครับ

ผ่านช่องเข้าไปตรงกลาง

ด้านบนเป็นตะแกรงเหล็กให้ความร้อนขึ้นไปทำให้มอลต์แห้ง

 

ไกด์กำลังอธิบายเรื่องถังหมัก

 

 

 

ถังหมักเก่า

มีผ่าให้ดูภายใน

มีชาร์ตแบ่งวิธีการหมักแบบต่างๆ ในเบลเยี่ยม

 

ตัวอย่างโรงที่หมักทั้ง 4 แบบ

 

วิว Malting Tower จากด้านบน

ตัวตึกเก่าวิวจากชั้นบน

ไกด์กำลังจะเปิดห้อง Foeder ให้ชมครับ

เปิดเข้าไปนี่ ตระการตามาครับ ถังเบ้อเริ่ม เรียงกันยาวเลย

 

 

ถัง Foeder เก่าแก่ของโรง มีอายุ 180ปีครับ ! ซื้อโดยคุณ Pedro ตั้งแต่ปี 1836

 

ส่วนถังใหญ่มีขนาดตั้งแต่ 12,000-65000 ลิตร ถังที่เก่าสุดอายุ 150 ปี

 

 

 

 

 

บรรยากาศภายในห้องเก็บถัง Foeder

เนื่องจากใช้ถัง Foeder ขนาดใหญ่และเป็นจำนวนมาก ที่นี่จึงมีช่างต่อถังไม้ (Cooper) เป็นทีมงานประจำด้วยครับ

 

 

จนจบทัวร์ก็มีเบียร์แต่ละตัวของ Rodenbach ให้ชมว่ามีอะไรบ้าง

บรรยากาศภายในห้องหมักชั้นล่าง

 

Rodenbach ตัว Vintage 2015 ใช้น้ำเบียร์จากถัง 195 ครับ

โซนสุดท้ายก่อนจะถึงห้องเลี้ยงรับรอง

บรรยากาศภายใน้ห้องเลี้ยงรับรองครับ

บรรยากาศภายใน้ห้องเลี้ยงรับรองครับ

มีรูปของบรรดาเจ้าของตระกูล Rodenbach

ฝั่งซ้ายมือเป็นบาร์ครับ หัวแทปสดเรียงราย

มีเบียร์ตัวต่างๆ ขายอยู่ ซื้อกลับได้เลย

แก้วแบบต่างๆ

ตัว Grand Cru และ Alexander แบบขวดใหญ่

รายละเอียดของเบียร์แต่ละตัว

ไกด์เปิดตัววินเทจให้ลองชิมกันครับ

ตัวแรกเป็น Rodenbach Grand Cru แอลกอฮอล์ 6% จิแล้วรู้สึกถึงรสเปรี้ยว มีติดฝาด ซ่านิดนึง ท้ายหวานหน่อย บอดี้ไม่หนามาก

แก้วที่สองคือ Vintage ถัง 195 แอลกอฮอล์ 7% ตัวนี้รู้สึกว่านุ่มกว่า บาลานซ์ ไม่เปรี้ยวแหลมเท่าไหร่ ค่อนข้างซ่า

 

อาหารจานแรกมาเรียกน้ำย่อย เป็น Pate อร่อยดีครับ เนื้อเนียน รสขมนิด รสเค็มกำลังดี ผักสดกรอบ ตัวน้ำจิ้มเปรี้ยวเผ็ดนิด แฮมนุ่มเนียน รสเค็มกำลังดี กรึ่บๆ

ตัวสุดท้ายที่ลองคือ Alexander ครับ 5.6% รสออกเปรี้ยวนิด มีเชอรี่ๆ กำลังดี กลม หอมหวาน บาลานซ์ดี สวยงามครับ

จานหลักมื้อนี้เป็นเนื้อครับ ใช้เบียร์ตุ๋น เนื้อเปื่อยๆ แต่ค่อยไม่นุ่ม รสออกเค็มหวาน มีขมหน่อยๆ

เสิร์ฟมากับฟรายร้อนๆ ทานแล้วเข้ากันดีครับ

ของหวานเป็นเชอเบทมะม่วง รสเปรี้ยวหวาน ล้างปากดีครับ

จนจบทัวร์ เราก็มากันที่ห้องเลี้ยงรับรองของทางโรง เป็นโถงขนาดใหญ่ บรรยากาศดีเลยครับ ตกแต่งด้วยถัง Forder หลายใบ มีรูปของผู้ก่อตั้งและเจ้าของตั้งแต่อดีตเป็นผ้าขนาดใหญ่แขวนอยู่ ทางโรงเลี้ยงอาหารเย็นพวกเราแล้วก็มีเบียร์มาให้ลองอีก 3-4 ตัวครับ เสร็จแล้วชาวคณะก็เดินทางกลับที่พักในเมือง Bruges

ตอนที่เขียนเรื่องของโรง Rodenbach นี้ก็ทราบข่าวมาว่าตัวเบียร์กำลังจะถึงไทยพอดีเลยครับ น่าจะช่วงประมาณปลายๆ เดือนพฤศจิกายนนี้หละครับ โดยมีเข้ามาทั้งแบบขวดและสด สามารถติดตามได้จากเพจ Captain Barrel ผู้นำเข้าครับ ว่าจะมีไปที่ร้านไหนบ้าง

You Might Also Like


แสดงความคิดเห็น



WP Twitter Auto Publish Powered By : XYZScripts.com