– blog นี้ ย้ายมาจาก blog เก่านะครับ –
ช่วงวันสองวันสุดท้ายใน Budapest เราไม่ได้ไปไหนแล้ว หมดแรง ก็อยู่แถวที่พัก ว่ายน้ำ ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตของเรา ที่ข้างนอกขาวโพลนด้วยหิมะ แต่เรายังว่ายน้ำได้ เป็นสระในร่มน้ำอุ่น แปลกๆดี
ตอนเย็นเรากลับมากินห้องอาหารของโรงแรมอีกที (ทานไปแล้วเมื่อวันแรกที่มาถึง)
เมนู
ขนมปังฟรี
กุลาช อร่อย เผ็ดร้อนกำลังดีครับ
สตูว์
ขาห่าน กรอบ ซอสก็รสดีครับ
ปลาดุก (cat fish) กับเครื่องใน ที่นี่มีเมนูปลาดุกหลายร้านเหมือนกัน สงสัยจะจับได้ในแม่น้ำดานูบ
ตับห่าน วันนี้ สู้วันแรกไม่ได้ รู้สึกเหมือนว่าวันแรกเกรียมกว่า
จบมื้อนี้เราก็กลับที่พัก แพคของยัดนู้นนี่ที่ชอปปิ้งมาเข้ากระเป๋า แล้วก็เข้านอน
เช้าเราก็มาสนามบิน ซึ่งมาเร็วไปหน่อย เพราะ EasyJet ไม่ให้ check in ก่อน ต้องรอจนเหลือ 2 ชั่วโมง จึงจะ check in ได้
ที่สนามบิน Budapest Ferenc Liszt International Airport (BUD) เรากินแซนด์วิชรองท้องก่อนขึ้นเครื่อง
ตอนจะขึ้นเครื่องก็ทุลักทุเลพอสมควรด้วยความที่เป็นโลว์คอสต์ ก็ต้องเดินออกจากตัวสนามบินมาเตนท์ๆแบบนี้ตอนก็ขึ้นเครื่อง
แล้วฝนก็ดันตกปรอยๆเสียด้วยเลยเปียกปอนกันไปหมดครับ
พอเทคออฟ ก็สั่งเบียร์มาจิบแก้เบื่อ ราคา 4.50 ยูโร ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงสนามบิน Charles de Gaulle (CDG)
พอถึง Paris ช่วงหัวค่ำบรรยากาศตอนแรกทุกคนคึกคักนิดๆเพราะเริ่มนิ่งๆกับบรรยากาศเนือยๆของ Budapest แล้ว
เราลงมาก็โทรหาเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่จองมา กว่าจะได้คุยก็ลำบากพอสมควรเพราะตอนนั้นยังไม่มีซิมของฝรั่งเศส
ต้องหาเหรียญ การกดเบอร์ก็ไม่ถูกเสียทีว่าต้องกดตัวไหนก่อนบ้าง
สุดท้ายจนได้คุยกับเจ้าของที่พัก พอรู้เรื่องกันก็นั่ง taxi ไปย่าน montmartre ตอนออกจากสนามบินไม่ค่อยติด เพราะเป็นซูเปอร์ไฮเวย์ แต่พอใกล้ๆเมืองก็เริ่มติด taxi มี GPS สามารถ กรอกบ้านเลขที่ ชื่อถนน แล้วก็ขับตามได้เลย
ประมาณ 50 นาทีเราก็มาถึง ฝนตก ปัญหาเริ่มเกิดขึ้น คือเราไม่สามารถติดต่อเจ้าของอพาร์ตเมนต์ได้ เพราะไม่มีโทรศัพท์
แล้วตึกที่เรามาตามที่อยู่ที่ได้รับนั้น ไม่สามารถเข้าไปได้มันต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้าไป สุดท้ายเราก็ใช้วิธีรอ พอมีใครเปิดเราก็พุ่งเข้าไป อย่างน้อยเข้าไปหลบฝนก่อน แป๊บนึงก็มีผู้หญิงคนนึงมาถามว่า มาทำอะไรยังไง ซึ่งเค้าก็พูดแต่ฝรั่งเศส ฟังอังกฤษไม่ออก เราก็ฟังฝรั่งเศสไม่ออก ซักพักเค้าก็ไปตามคุณป้ามาอีกคน เหมือนพอจะฟังอังกกฤษออก คุยไปคุยมา ผู้หญิงคนแรกพยายามจะไล่เราออกไปจากตึก บอกว่าเรามาผิดที่ จะโทรหาเจ้าของอพาร์ตเมนต์ที่เราติดต่อไว้ก็ไม่ได้เพราะซิมฮังการีเงินหมดไปแล้ว แป๊บนึงมีลุงมาช่วย แต่สถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ เจ๊คนแรกพยายามจะไล่เราออกไปให้ได้
ร่วมๆครึ่งชั่วโมง คนที่เราติดต่อไว้ก็โผล่มา เป็นวัยรุ่นสาวออกแนวเฮ้วๆ น่าจะราวๆนักศึกษามหาลัย พูดอังกฤษได้
ก็มาบอกว่า ที่พักของเราจะไปอีกที่นึง ไม่ใช่ที่นี่ คือที่อยู่ที่เราได้มาอะถูกแล้ว แต่เค้ามีปัญหากับเจ้าของตึก เลยเปลี่ยนเป็นที่อื่น ซึ่งก็ไม่ไกลมาก แต่มันเป็นทางลาดไปมาบวกกับฝนตก เลยต้องนั่งแทกซี่ไป ทีนี้แทกซี่ที่มาเป็นผู้หญิงก็พูดอังกฤษไม่ได้อีก ทางก็ไม่ชำนาญ วนไปวนมาจนถึงที่พัก
ไม่มีลิฟต์แบกกระเป๋ากันเมื่อย 4 ชั้น วัยรุ่นเจ้าของ ขอโทษขอโพยเราใหญ่ บอกว่าผิดพลาดจริงๆ เสร็จก็คุยรายละเอียดเรื่องที่พัก วิธีใช้อุปกรณ์ต่างๆ แล้วก็จากไป
เราสี่คนก็โล่งใจ ตอนแรกคิดว่าจะต้องไปลุยฝนหาโรงแรมนอนกันเสียแล้ว นับเป็นเรื่องตื่นเต้นในชีวิตอีกเรื่องนึง สรุปว่าจากตอนแรกที่ที่พักจะติดกับ Sacré-Cœur Basilica ก็กระเถิบออกมาหน่อยแต่ก็ยังเป็นย่าน montmartre
พอจัดการเรื่องที่พักเสร็จ ก็มาหาอะไรกินแถวๆนั้น
ร้านที่เราไปชื่อ Bistrot des Martyrs (link ใน 4sq)
เปิดไวน์แดงกินหนึ่งขวด
ขนมปังฟรี
มาฝรั่งเศสก็ต้องกินหอยทาก (Escargot)
จิ้มแล้วก็เข้าปากเรากินแล้วก็เฉยๆ รู้สึกมันมีกินโคลนๆ ดินๆ ยังไงไม่รู้
จานนี้คืออะไรหว่า จำไม่ได้แล้ว
ขาเป็ด
สตูวมั๊ง
tartare steak จานนี้จำได้ดีเพราะมันสดมาก เป็นเนื้อสับๆแล้วปรุงรสนิดหน่อย อร่อยดีครับ ดิบๆ มันๆ
อารมณ์เดียวกับ Yukke ของญี่ปุ่น
หลังจากผ่านเรื่องระทึกขวัญมา พอได้ทานข้าวก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น กลับไปปีนบันไดสี่ชั้นขึ้นไปนอน ก่อนจะตื่นมาลุยปารีสในวันพรุ่งนี้ครับ
– blog นี้ ย้ายมาจาก blog เก่านะครับ –