เมื่อวานจากเมืองฟลอเรนซ์เรานั่งรถทัวร์เดินทางมานอนกันที่เมือง Mestre ชื่ออาจจะไม่คุ้นนัก
จริงๆเราก็ไม่เคยได้ยิน เป็นเมืองที่อยู่ติดกับ Venice นั่นแหละครับ ฟังจากไกด์ก็ได้ความว่าที่นอนที่นี่นั้น เพราะว่าราคาต่ำกว่านอนบน Venice แล้วก็เดินทางอะไรก็สะดวก คือ Mestre นี่เป็นเมืองบนฝั่งแผ่นดิน เรานอนกันที่ NH LAGUNA PALACE หลังโรงแรมเป็นท่าจอดเรือ บรรยากาศดี
เส้นทางที่เราเดินทางมาเมื่อวานประมาณ 250 กิโลเมตร เดินทาง 2 ชั่วโมงกว่าเกือบ 3 ชั่วโมง
ท่าจอดเรือหลังโรงแรม
เป็นเรือลำไม่ใหญ่
ด้วยความเป้นท่าจอดเรือ โรงแรมนี้เลยดีไซน์มีเรือเป็นธีมของโรงแรมด้วย
มีเก้าอี้ให้ น่านั่งจิบไวน์มากๆ แต่พอตกกลางคืนหนาวสุดๆ ทานไม่ไหว
โรงแรม LH Laguna Palace
จากโรงแรมรถก็มาส่งเราที่ท่าเรือ ตอนก่อนมาเราคิดว่า Venice ที่เห็นเป็นเมืองในน้ำนั้นเป็นน้ำจืด เป็นแม่น้ำอะไรอย่างนั้น คือไม่เคยรู้มาก่อนว่าจริงๆมันเป็นน้ำทะเล ตัวเมืองนี่เป็นเกาะเล็กๆมาเชื่อมๆกัน น้ำที่เห็นเป็นคลองในเมืองก็คือน้ำทะเล รู้สึกอายความรู้ของตัวเองเลย หะหะ
ที่ท่าเรือ เราจะเห็นเรือสำราญขนาดใหญ่หลายลำ
แต่ของเราขึ้นเรือลำไม่ใหญ่มาก ไกด์บอกเป็นเหมือนเรือเมล์ประมาณนั้น
เรือสำราญลำเดิม
ใหญ่ขนาดมีสวนน้ำอยู่ข้างบน
อันนี้อีกลำ
มีเรือสัญจรไปมาระหว่างแผ่นดินกับ Venice ตลอดเวลา
เริ่มเจออาคารแล้ว
ตัวตึกจะสีโทนเดียวกัน
มีงานศิลปะใหญ่ๆ
จอดที่ฝั่งแล้ว
เรือเรามาจอดหน้าโรงแรม Hotel Gabrielli
จากตรงที่เรือส่งเราก็จะเดินไปจตุรัส San Marco ระหว่างทางก็จะเห็นคลองเล็กๆงี้ตลอดทาง
ทุกคนก็จะเดินทางด้วยเรือกันในคลอง ทั้งเรือพายและเรือเครื่อง
คลองกว้างบ้างแคบบ้างสลับกันไป
อ่านไม่ออกว่าอะไร แต่เห็นมีชื่อ Vivaldi (คนแต่งเพลง Four Seasons)
ถ่ายย้อนกลับไปในทางที่เราเดินมา
ตึกนี้น่าจะเป็นโบสถ์
มีร้านอาหารที่ระเบียงยื่นออกมาในคลองด้วย
คลองนี้กว้างหน่อย
บางช่วงก็จะมีสะพานเชื่อมกันระหว่างตึก
สะพานเชื่อมอีกอัน แต่อันนี้เป็นอันที่มีชื่อเสียง โดยมีชื่อว่า “สะพานถอนหายใจ”
ที่ชื่อ “สะพานถอนหายใจ” (Bridge of Sighs) ก็เพราะว่ามันเชื่อมไปยังคุก ซึ่งนักโทษก็จะเห็นวิวอันสวยงามของเวนิสจากสะพานแห่งนี้เป็นที่สุดท้าย
เรือกอนโดล่าเรียงราย
Doge’s Palace เป็นวังของ Doge, Doge นี่นับเป็นตำแหน่งสูงสุดตำแหน่งหนึ่งของ Venice
ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ Venetian Gothic ซึ่งเป็นการรวมเอาแบบ Gothic, Byzantine และ Moorish (แขกมัวร์) เข้าไว้ด้วยกัน
เริ่มต้นในศตวรรษที่ 14
เดินมาอีกนิดเดียวก็จะเป็นจตุรัส San Marco ซึ่งนับเป็นศูนย์กลางอีกแห่งหนึ่งของเมือง ที่นี่เลยมีผู้คน นักท่องเที่ยวมากมาย
งานปูนละเอียดใบไม้เป็นใบๆเลย
ที่ติดกับ Doge’s Palace ก็จะเป็นโบสถ์ San Marco (St Mark) นั่นเอง
ด้านบนของประตูโบสถ์มีภาพ เกี่ยวกับ St Mark อยู่ ภาพนี้เป็นงาน mosaic เล่าเรื่องตอนเอาศพ St Mark กลับมา
อีกภาพเป็นภาพ Last Judgment เป็นภาพงาน mosaic เช่นกัน
ตอนหน้าจะมาเล่าถึงร้านกาแฟในบริเวณจตุรัสนี้ต่อครับ