ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาผมไปเที่ยวโตเกียวอีกครั้งครับ หลักๆ ก็ได้เดินทางไปดู craft beer scene ของญี่ปุ่นว่าเป็นยังไงบ้าง แวะดู microbrewery ร่วมถึงยังมีโอกาสได้ไปโรงผลิตสาเกด้วยครับ ซึ่งคราวนี้นับเป็นการเดินทางกับสายการบิน ANA เป็นครั้งแรกของผม อย่างที่เคยเล่าไปว่าผมมักจะบินกับ JAL หรือ การบินไทยมากกว่า ก็ถือว่าได้ลองอะไรใหม่ๆ ครับ
ไฟลท์ขาไปนั้นคือ NH 806 ลงที่ Narita ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิตั้งแต่เช้า 7.10 เลยทีเดียว ออกจากบ้านประมาณตี 4 ครับ ส่วนขากลับจาก Narita นั้นคือ NH 807 ออกเดินทางประมาณห้าโมงเย็นครับ ตอนแรกก็รู้สึกว่าเช้าไปนิด แต่พอถึงวันจริงก็เออพอไหวแฮะ เช็คอินเสร็จพอมีเวลาไปนั่งทานอะไรรองท้องที่เลาจน์ ANA ใช้เลาจน์การบินไทยครับ เครือ Star Alliance เหมือนกัน
ประมาณ 6.50 ก็เรียกขึ้นเครื่องที่เกต E 5 ครับ สำหรับขาไปเที่ยวบิน NH 806 จะเป็นเครื่องรุ่นเก่า Boeing 777-200ER ตัวชั้นธุรกิจจะเรียงที่นั่งแบบ 2-3-2 ครับ อุปกรณ์ต่างๆ ก็ดูเก่าและโบราณมาก แต่ก็ได้เรื่องความยาวขามาทดแทน คือยาวมากกกกก ยืดไม่ถึงข้างหน้าเลย เดินเข้าเดินออกสะดวกครับ วันที่บินเป็นวันคริสมาสต์บนเครื่องก็เลยเปิดเพลงคริสมาสต์แบบแจ๊ซ เพลินเลยครับ
ANA เช็คอินที่แถว L ครับ
เช็คอินเคาท์เตอร์ด้านในสุด คิวยาวเหมือนกันครับ มีพวกฝรั่งที่บินไปต่อฝั่งอเมริกาอะไรอย่างนี้เยอะพอสมควร
เช็คอินเสร็จในตั๋วระบุว่าสามารถเข้าเลาจน์ การบินไทย, EVA และ CIP ได้ครับ แล้วก็จะได้บัตร Premium Lane มาหนึ่งใบสำหรับเข้าผ่านช่องพิเศษเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว ด่าน ต.ม. ครับ
เราจะบินไปกับ Boeing 777-200ER เครื่องนี้หละครับ
บรรยากาศ Business Class บนไฟลท์ NH806 ครับ
วิวจากด้านหลัง
ที่นั่งจะเรียงแบบ 2-3-2 ครับ
ระหว่างรอเครื่องขึ้นพนักงานเอาน้ำส้มมาให้ครับหรือถ้าอยากกรึ่มแต่เช้าแชมเปญก็มีเสิร์ฟครับ
ผมได้นั่งตรงกลางครับมีพี่คนญี่ปุ่นประกบซ้ายขวา
อย่างที่บอกไปว่าด้านหน้ายาวมาก ขายืดไม่ถึง
มีที่แขวนเสื้ออยู่พนักด้านหน้า
อุปกรณ์ปรับเบาะ แบบเก่าเรโทรเลย
แต่มีปลั๊กไฟครับ ไม่มี usb
จอจะพับอยู่ข้างๆ
ดึงออกมาเป็นแบบนี้ เล็กๆ
มีหนัง มีเกม แต่ผมก็ไม่ได้ดูครับ
รีโมท
มีรองเท้าแจกหนึ่งคู่
ที่นั่งสามารถปรับให้นอนได้ประมาณนี้ครับ
ที่เท้ามีที่วางแบบนี้
ซักพักพนักงานก็มาปูโต๊ะให้ครับ โต๊ะจะดึงออกมาจากด้านข้าง ขนาดเล็กหน่อย
รายการเครื่องดื่ม
รายการเครื่องดื่ม
รายการเครื่องดื่ม
รายการเครื่องดื่ม
รายการอาหารครับ
รายการอาหาร
รายการอาหาร
รายการอาหาร
ข้าวเช้ายังไม่มาก็จิบรอซะหน่อยแก้วแรกผมลองเป็นโซจูชื่อ Hanamugi Moriya ทำจากข้าวบาร์เลย์จากจังหวัด Oita จิบปุ๊บร้อนท้องเลยครับ หอมดี
แก้วที่ 2 เป็นซิงเกิลมอลต์ตัวดังของญี่ปุ่น Hibiki รสเข้ม แน่นดีครับ
อาหารมาเสิร์ฟแล้วครับ ผมเลือกแบบเซ็ตอาหารญี่ปุ่น
จานซ้ายบนเป็นจานเรียกน้ำย่อย มีเป็ดเนื้อแน่นๆ บร็อคโคลี่เปรี้ยวรสยุสุ แซลมอลรมควันอร่อยดี ส่วนไข่จืดๆ
จานหลักเป็นเต้าหู้ทอดอุ่นๆ ข้างนอกแข็งนิดๆ ข้างในนุ่มรสเค็มอ่อนๆ
เสิร์ฟมาพร้อมข้าวครับ
มีผักดองให้ทานแนม
จานนี้เป็นของหลานชายครับ ชุดอาหารเด็ก
ส่วนจานนี้ของหลานสาวเป็นชุดเด็กเบบี๋
ลองกินสาเกบ้าง กลิ่น หวานๆรสข้าวครับ
สั่งของทานเล่นมาอีก 2 อย่าง ถ้วยนี้เป็น แซลมอนรมควันด้านในมีมะละกอกรุบๆ ทานไปแล้วนึกถึงส้มตำ
อีกถ้วยเป็นเป็ดชิ้นหนา เนื้อแน่น ราดมาด้วยซัลซ่ามันๆ
ลองโซจูอีกตัวชื่อ Kawagoe ทำจากมันหวานของจังหวัก Miyazaki ตัวนี้ออกหวานๆ ครับ
เส้นนุ่ม รสเค็มมัน กระเทียมเจียว มีหมูบางๆ ให้ 1 ชิ้น อร่อยใช้ได้เลยครับ
เดินสำรวจรอบเครื่องครับ อันนี้เป็นชั้นประหยัดครับ
ภายในห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำ
ก่อนแลนดิ้งผมสั่ง in Tonic มาดื่มอีกแก้วพร้อมถั่วอบ เพลินดีครับ
ถึงละครับ ประมาณเกือบๆ 4 โมงเย็นครับ เป็นอันจบรีวิวขามาไฟลท์ NH 806
ขากลับผมกลับไฟลท์ NH 807 ออกจาก Narita ช่วงเย็นครับ
ตรงด้านตรวจความปลอดภัยคิวยาวมากครับ ข้อดีของการบิน Business Class ก็คือได้เข้าช่องนี้ Gold Track ซึ่งก็ยังคิวยาวอยู่ดี แต่ก็เร็วกว่าช่องธรรมดาพอสมควรครับ
Terminal นี้เรียกว่าเป็นรังของ ANA เลย
ไฟลท์ NH 807 เป็น Boeing 787-800 Dreamliner ครับ
บรรยากาศในชั้นธุรกิจครับ
มุมมองจากด้านหลัง
ผมได้นั่งตรงกลาง ที่นั่ง 13G แถวหลังสุดติดชั้น Premium Economy ครับ
ที่วางขา ยาวกำลังดี
หน้าจอกว้างขวางครับ
เมนูหลัก
มี Animation เรื่องดัง ‘Your name’ Kimi no Na wa ให้ดูด้วย
รีโมท ปลั๊กไฟและ USB ครับ
ปุ่มปรับที่นั่ง
พนักงานเอาแชมเปญมาเสิร์ฟก่อน take off แก้วก๊องแก๊งไปหน่อย
มีรองเท้าให้หนึ่งคู่
ลำนี้มี WiFi แต่เสียเงินครับ
แจกบัตร Premium Lane แต่เราคนไทยเดินเข้าเครื่องอัตโนมัติอย่างเคย
หลังจากขึ้นบินได้ซักพัก พนังานก็ทยอยเสิร์ฟของทานเล่นและเครื่องดื่มครับ พอนั่งหลังนี่ได้ช้ามากกกก
ผมทานโซจูใส่น้ำแข็งเหมือนเดิม กินแล้วร้อนวูบเหมือนเดิม ฮ่าๆ
อาหารทานเล่นไม่เหมือนในเมนูครับ พนักงานบอกว่าเป็นเมนูพิเศษที่คนญี่ปุ่นจะทานช่วงปีใหม่ คือไข่ปลาแฮริ่ง เพราะเชื่อว่าจะได้มีลูกหลานมากมาย กรุบๆ รสเค็มนิดหน่อย ชอบครับ แล้วก็มีแตงดองไส้ชีส ปลาตัวเล็กๆ รสหวานเค็ม ทานกับผักดองเปรี้ยวๆ ถั่วแดงหวานๆ ตรงกลางเป็นขนมปังชีสงาเค็มๆ ไม่แข็งมาก
รายการอาหาร
รายการอาหาร
รายการอาหาร
รายการอาหาร
รายการเครื่องดื่ม
รายการเครื่องดื่ม
รายการเครื่องดื่ม
รายการเครื่องดื่ม
ผมเลือกเป็นอาหารญี่ปุ่นเหมือนเดิมครับ อาหารฝรั่งก็น่าอร่อยเป็นเมนูเนื้อ แต่ไม่ไหวแล้วทานเบาๆ ดีกว่า
ออเดิร์ฟมีทอดมันปลา ไก่เย็นๆเนื้อแน่น ไชเท้าดองผิวเลมอนขูด ส่วนกุ้งทานไม่ได้ให้พี่สาวไป
ถ้วยนี้เป็นปลาข้าวสาร ใส่สาหร่าย วาซาบิ ใบชิโสะ ปลานุ่มๆ ดีครับ
อีกถ้วยเป็นเต้าหู้เย็นเนื้อนุ่มฉ่ำ
จานหลักมาเสิร์ฟละครับ
เป็นปลานึ่งนุ่ม สดดีไม่คาว รสคล้ายๆแซลมอน เสิร์ฟมากับผักต้มนุ่มๆ มีบ๊วยทั้งลูกเปรี้ยวเค็ม ทานแนมกับผักดอง
ซุปสาหร่าย รสอ่อนๆ
ของหวานครับ
ผมสั่งชีสมาทาน ชิ้นสีส้มนี่รสเข้มข้นดีครับ
ด้วยความอยากลองเลยสั่งชูครีมาอีกชิ้น อร่อยดีครับ น่าทานคู่กับกาแฟ
กล่องนี้ของหลานสาว
มีน้ำผลไม้ อาหารเด็ก และแผ่นข้าวอบกรอบ
แล้วก็อาหารอ่อนอีกถ้วยครับ
จิบไวน์กันบ้าง แก้วนี้เป็นไวน์แดงฝรั่งเศส chateau blaignan 2012 บ๊างบาง
แก้วต่อมาเป็นไวน์ขาวออสเตรเลีย ฟรุตตี้ หวาน ดื่มง่าย
แวะไปสำรวจห้องน้ำ
ใช้ปุ่มล้างอัตโนมัติตามสไตล์ญี่ปุ่นครับ
ก่อนแลนดิ้งผมจิบ Gin Tonic เหมือนเดิม
ทานคู่กับถั่วอบกรอบครับ
เครื่องลงถึงไทยที่สุวรรณภูมิประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ วันที่มาคนเยอะเหมือนกันครับตรง ต.ม. ขนาดใช้เครื่องตรวจอัตโนมัติยังมีคิวนิดหน่อย ออกมารอกระเป๋าไม่นานมากครับ
โดยรวมค่อนข้างประทับใจครับ ตอนแรกขาไป แบบเออเก่าจัง แต่ก็สะดวกสบายได้เปรียบเรื่องความยาวที่นั่ง ส่วนขากลับก็ใหม่เอี่ยมดี ที่นั่งส่วนตัวใช้ได้
เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้ JAL เลยครับ