ร้านนี้เป็นร้านที่ตั้งใจอยากไปมากที่สุดของทริป เพราะว่าลิสต์ของนิตยสาร Monocle ให้เป็นร้านอันดับ 1 ประจำปี 2016 แล้วก็เดินทางไปไม่ลำบากเพราะอยู่แค่ญี่ปุ่นเท่านั้น ถ้าร้านที่อยู่ยุโรป หรืออเมริกา ก็อาจจะไปยากหน่อย
Cignale Enoteca เป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนโดยมีเชฟ Toshiji Tomori เป็นผู้สร้างสรรค์เมนูต่างๆ ซึ่งเชฟ Tomori นั้นเคยไปทำงานเป็นเชฟอยู่ที่อิตาลี่เป็นเวลา 4 ปี กลับมาก็มาเปิดร้านขนาดเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ ดูอบอุ่น ไม่ได้ดูหรูหรา ตกต้องแบบดูเป็นชนบทนิดๆ ในร้านยังมีผลิตภัณฑ์พวกซอส เพสต์ที่เป็นสูตรทางร้านขายอยู่ด้วยครับ
ขนาดของร้านมีที่นั่ง 14 ที่ในนิตยสารระบุว่าร้านไม่รับจอง ก็ยังงงๆอยู่ว่า ให้เดินดุ่ยๆ ไปรอคิวแบบร้านญี่ปุ่นอื่นๆ อย่างนั้นหรือ วันที่ไปผมก็เลยขึ้นรถเมล์จากสถานี Shibuya นั่งประมาณ 3-4 ป้าย เดินข้ามถนนนิดเดียวก็ถึงร้าน ตัวร้านจะไม่ได้อยู่บนถนนหลัก อยู่เข้าไปในซอยเล็กๆ
พอเปิดเข้าไป ทุกคนทำหน้างงๆ ตัวเชฟ Tomori ก็มาถามว่ามาทำอะไรครับ ผมบอก Dinner ครับ เค้าก็งงๆ แล้วก็บอกว่าจองไว้รึเปล่า (ไหนมึงบอกจองไม่ได้) สรุปว่าอดกิน แล้วก็ลองถามว่าวันอื่นๆ มีว่างไหม ปรากฎว่าเต็มหมด ก็เลยทำใจ บอกเค้าว่าคราวหน้าจะจองมาแล้วกัน
กลับมานั่งเปิด facebook แบบ translate เอา ถึงได้รู้ว่าสามารถจองได้แล้วครับ โดย message ไปใน facebook หรือทางอีเมลก็ได้ทีนี้นั่งๆ ดูเพจร้านไป เห้ย มันมีอีเวนต์ Wine Tasting ในวันอาทิตย์ซึ่งปกติเป็นวันหยุดของร้าน เขียนว่าไม่ต้องจอง ก็เลยเมลไปถามเค้าอีกทีว่าไปร่วมงานนี้ได้ไหม เค้าบอกมาเลยๆ ก็เลย กลับไปอีกทีในวันอาทิตย์ครับ

วันแรกที่มาถึงอกหักครับ อดกิน

กลับมาใหม่ในวันอาทิตย์ ลงรถเมล์แล้วเดินข้ามถนนมาสังเกตป้าย Suntee ครับ

จะเป็นทางลาดเล็กๆ ลงไป

เข้ามาปุ๊บก็จะเจอร้านอยู่ขวามือ

วันนี้เป็นงาน Wine Pairing โดยทุกๆคนจะยืนรอบเคาเตอร์ครับ คนแน่นร้านเลย โชคดีผมไปมีที่ว่างพอดี

เราจะได้ยืนติดกับครัวที่ทำอาหารเลย ในรูปคือเชฟ Tomori ครับ

ด้านข้างมีหนังสือ Guide to Drinking & Dining ของ Monocle วางอยู่ แน่นอนว่าทางร้านต้องได้ลงเล่มนี้ด้วย

รายการอาหารประจำวันนี้ครับ

ไวน์ตัวแรกที่คุณ Hori แนะนำให้ลอง มีรสเปรี้ยวนำ ตามด้วยซ่านิดๆ จิบแล้วเรียกน้ำลายดีครับ

อาหารจานแรกที่สั่งชื่อ Lampredotto เป็นกระเพาะวัวที่เอาไปตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม นุ่มละมุน ไม่คาวเลยครับ เหมือนเนื้อเปื่อย มีผักชีโรยมาด้านบน ตัวน้ำซุปก็กลมกล่อมอร่อยมาก ผมนี่ยกซดจนหมดชามเลย

เชฟเอา hot suace มาให้บอกว่าถ้าชอบเผ็ดๆ ใส่เพิ่มได้

ขวามือเคราๆนี่หละครับ เชฟ Tomori

จานต่อมาผมสั่งหอยนางรมสดมาครับ เป็นหอยนางรมจากเกาะ Kyushu ตัวเล็กๆ สดดี เสิร์ฟมากับซอสมะเขือเทศแบบเผ็ดนิดๆ

ทานคู่กับไวน์ขาวรสเปรี้ยว สดชื่นเข้ากับหอยดีครับ

บรรยากาศภายในร้าน ลูกค้าสลับเข้ามาเรื่อยๆ

ไวน์ตัวที่สาม รสออกฝาดๆ แปลกดี

ทานคู่กับ spaghetti เส้นลวกมาแบบอัลเดนเต้หนึบๆ ด้านบนโรยด้วยอิตาเลียนพาสลีย์และชีส เค็ม มันกำลังดีครับ

จานสุดท้ายเป็นชีส Burrata เสิร์ฟมากับ Kale โรยหน้าด้วยคีนัวกรอบๆ ตัวชีสเย็นๆ รสเค็มอร่อยหนึบๆ มีรสนมๆ ส่วนเคลเหมือนคะน้า แต่ไมลด์กว่า นุ่มกว่า ซอสที่ราดมารสหวานนิดๆ

ในเมนูมีหอนแหลงภู่อีก แตไม่ไหวหละครับ ยอมแพ้

ก่อนกลับแวะถ่ายรูปโต๊ะยาวของร้านไว้ ยังไงจะกลับมาทานให้ได้
ไม่ผิดหวังครับ สมกับที่ได้อันดับ 1 อาหารอร่อยมากๆ บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง พนักงานอัธยาศัยดี พยายามพูดภาษาอังกฤษให้เราเข้าใจ ยังไงผมต้องกลับมาทานแบบมื้อเย็นปกติให้ได้เลยร้านนี้
ถ้าอยากมาลองให้ลองดูในเพจของร้านครับ ปกติทุกเดือน ทางร้านจะโพสต์วันว่าง ที่สามารถจองได้ ล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน หรือลอง inbox ไปถามทางร้านดูเผื่อโชคดี ได้ที่ว่างครับ
Cignale Enoteca Meguro
เบอร์โทร : 18.00-24.00 ปิดวันอาทิตย์ ต้องจอง
เปิด : 18.00-24.00 ปิดวันอาทิตย์ ต้องจอง
เว็บไซต์
เพจ
foursquare