ลาบ

บ่ายแก่ๆ ฝนลงพรำๆ ชาวคณะนั่งรถแดงไปยังร้านลาบเมืองป้าว ไปถึงปรากฎว่าร้านปิดกิจการไปแล้ว เลยต้องเปลี่ยนที่ เปิดดูโพยที่จดๆ ไว้สุดท้ายก็เลือกร้าน ลาบเก๊ายาง ครับ

ร้านลาบเก๊ายาง หรือ ลาบต้นยาง อยู่บนถนนมูลเมือง ใกล้ๆ ประตูเชียงใหม่ ขนาดร้านเล็กๆ คือเล็กจริง นั่งได้ สาม สี่โต๊ะครับ ห้องน้ำขึ้นไปอยู่ด้านบน ห่างไปทางซ้ายมือประมาณ 5 เมตรมีอีกร้านตั้งอยู่ชื่อลาบต้นตาล

ที่นี่มีเมนูไม่เยอะ แต่ก็ครบครัน ทั้งลาบควาย ลาบหมู สุก ดิบ ส้า แก่งอ่อม จิ้นส้ม เครื่องในสะดุ้ง พวกของปิ้งย่างอย่าง ไส้ หมู คาง รวมทั้งยังมีลาบ น้ำตก แบบทางอีสานด้วยครับ

เช้าวันที่สองของทริปเชียงใหม่เมื่อเดือนมิถุนายน หลังชาวคณะตื่นกันช่วงสายๆ เราก็หากาแฟแถวที่พักดื่ม เสร็จช่วงกลางวันก็นั่งรถออกนอกเมืองครับ วิ่งลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตามถนนเชียงใหม่-หางดง ทางเดียวกับที่จะไปร้าน ลาบช่างคำครับ แต่วันนี้จุดหมายของเราคือร้านใหม่ชื่อว่า ลาบขุนเส

ร้านลาบขุนเสอยู่ห่างออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 9 กิโลเมตร ตัวร้านเป็นแบบเปิดโล่ง มีโซนด้านนอกที่ไม่มีหลังคาด้วยครับ ความเจ๋งของที่นี่อีกอย่างก็คือ เราจะสามารถกินลาบควายพร้อมกับชมวิวภูเขาสวยงามได้ด้วย ฮ่าๆ

เรามาถึงร้านช่วงเที่ยงพอดี ปรากฎว่าลูกค้าแน่นร้านมากครับ แน่นแบบเกือบจะไม่มีที่นั่ง สุดท้ายไปได้โต๊ะไกลๆ ด้านหลังร้าน เป็นตรงที่ไม่มีหลังคา วิธีสั่งอาหารของร้านคือไปยืนดูเมนูตรงหน้าครัวแล้วก็จดใส่ใบยื่นให้พนักงานครับ

เว้นว่างจากเชียงใหม่ไป 3 เดือน ผมและเพื่อนๆ กลับไปเที่ยวกันอีกครั้งครับ รอบนี้เป็นตั๋วโปรโมชั่นที่จองไว้ตั้งแต่สิ้นปี ไปกลับประมาณ 1,000 บาทเท่านั้นครับ ผมออกเดินทางจากดอนเมืองช่วงเช้า แล้วก็ไปถึงเชียงใหม่ประมาณ 10 โมงกว่า พอถึงก็นั่งรถไปยังร้านโปรดนั่นก็คือ ลาบต้นข่อย ดอยสะเก็ดครับ 

กินพอหายหิวเพราะตั้งใจว่าจะไปต่อร้านอื่น ปรากฎเดินทางไปร้านแรกปิด เรียกรถต่อไปอีกร้าน ก็ปิดอีก คุยกับเพื่อนชาวเชียงใหม่ทำให้ทราบว่าวันหัวออก หลายร้านจะปิดลุ้นหวยกัน ฮ่าๆ จนสุดท้าย โทรถามร้านนี้ได้ความว่าเปิดก็เลยไป ร้านนี้คือร้าน ลาบต้นยาง ครับ

ร้านลาบต้นยางมีสองสาขา คือที่ถนนวงแหวนรอบนอก และอีกสาขาคือถนนมหิดล สาขาที่ผมแวะมาวันนี้เป็นสาขาถนนมหิดลครับ อยู่ใกล้ๆ กับร้าน Somewhere Only We Know ที่ได้แวะไปคราวก่อน