ที่พักของเราในทริปนี้นั่นอยู่ใกล้ Tokyo Midtown เลยครับ เดินแป๊บๆก็ถึง ทำให้สามสี่วันที่พักตรงนี้ เดินผ่าน Tokyo Midtown ทุกวัน ซึ่งติดกันก็จะมีสวน Midtown Garden อยู่ แล้วมันก็จะมีร้านชื่อ Midpark Cafe เป็นร้านเอาท์ดอร์ เหมาะกับการนั่งชิลล์ในตอนกลางคืนเลยหละครับ
ช่วงที่เราไปอากาศกำลังดี ค่ำๆก็เย็นลงนิดหน่อย งานที่จัดอยู่ใน Midpark Cafe เป็นงานชื่อ ‘World Highball’ จัดโดยแบรนด์ Suntory นั่นเอง ในตัวห้างก็มีบูธอยู่บริเวณซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนข้างนอกในสวนก็มีเสิร์ฟให้ดื่มกันเลยครับ
โดยมีทั้งหมด 7 ตัว คือ 1. Jim Beam 2. Maker’s Mark จากอเมริกาทั้ง 2 ตัว แน่นอนว่าต้องเป็นเบอร์เบิ้นทั้งคู่ 3.Laphroaig ซิงเกิลมอลต์สายควันๆจากสกอตแลนด์ที่กำลังได้รับความนิยมจากคอวิสกี้ไทยในช่วงนี้ 4. ตัวนี้ไม่คุ้นหน้าชื่อ Canadian Club จากแคนาดานั่นเองครับ 5. Connemara มาจาก Ireland 2 ตัวสุดท้ายมาจากญี่ปุ่น ก็คือ 6.Kaku และ 7.Hibiki จากผู้จัดงาน Suntory นั่นหละครับ (เคยไปโรงกลั่น Yamazaki ของ Suntory ทีนึงตอนปี 2012 ครับ)
Highball คืออะไร ?
Highball โดยทั่วไปแล้วก็คือเหล้าวิสกี้ผสมโซดานั่นเอง ในอังกฤษก็จะมีชื่อดั้งเดิมที่ติดปากว่า ‘”Scotch and soda” หรือบางครั้งอาจจะใช้เรียกเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ที่ผสมมิกเซอร์ เช่น Gin Tonic หรือ Cuba Libre เป็นต้น การเสิร์ฟ Highball มักจะเสิร์ฟในแก้วทรงสูงแบบ straight-sided highball หรือทรง Collins
ในญี่ปุ่นนี่ Highball ค่อนข้างได้รับนิยมอย่างสูง ที่เห็นเป็นประจำก็คือ Suntory ขวดกระดองเต่า (Suntory kakubin) ผสมโซดา แล้วก็อาจจะใส่ผลไม้สายไซตรัส อย่างเลมอนหรือส้ม เขียนๆไปนึกถึงสมัยก่อนที่ผมชง แสงโสมมะนาว เกลือ สไปรท์ โซดา ฮ่าๆ
(ข้อมูล Highball จากวิกิพีเดีย)
วิธีชง Kaku Highball ของ Suntory
ด้านหลังของ Tokyo Midtown ครับ
ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นสนามหญ้า มีคนมาพักผ่อนหย่อนใจกันทั้งวันครับ
ห้องขายอาหารและเครื่องดื่มของงาน
ป้ายงาน World Higball
มีวิสกี้มาจาก 5 ประเทศ ก็คือ อเมริกา, ไอร์แลนด์, แคนาดา,สกอตแลนด์ และ ญี่ปุ่นครับ
มีเหล้า 7 ตัว จาก 5 ประเทศ
Maker’s Mark เบอร์เบิ้นจากเคนตักกี้
รายการอาหารครับ
บรรยากาศภายในงาน คนเต้มเกือบทุกโต๊ะครับ
จัดไลท์ติ้งได้สวยงาม
เค้ามีผ้าห่มซุกไว้ใต้โต๊ะให้ด้วย พอค่ำๆ ลมแรงก็เอามาห่มกันหนาวได้ครับ
ถังบาร์เรล
เดินมาสั่งเครื่องดื่มที่ตู้ๆนี่หละครับ ร้านอาหารก็จะเป็นอีกตู้ที่ติดกัน
แก้วแรกลองเป้นตัว Maker’s Mark รู้สึกจืดๆ มีรสส้มอ่อนๆ จากผิวส้มที่เค้าขูดใส่ลงไป
ตัวต่อมา Laphroaig (ลาฟรอยก์)เป็นตัวที่อยากลองมากเพราะได้ยินชื่อมานานแต่ไม่เคยกินซักที่ พอจิบปุ๊บ ตึ้ง คือรสมันค่อนข้างเข้มหนัก กลิ่นแบบยางไหม้ๆ เคมีๆ อาจจะเพราะว่าเป็นครั้งแรง มันเลยยังไม่ค่อยคุ้นครับ
สุดท้ายเป็นตัว Hibiki ลื่นทานง่ายเลยทีนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่ามันติดหวานนิดๆ
ซื้อไส้กรอกมาทานแกล้มครับ นิ่งๆ ไม่ค่อยอร่อยมาก
เป็นอีกงานที่ประทับใจครับ บรรยากาศมันดีด้วยหละครับ เย็นสบายๆ (แต่ค่ำๆมีสั่นๆนิดหน่อย) ที่ตัว Midpark Cafe นี่มีจัดงานเรื่อยๆครับ ที่ลองหาข้อมูลก็เห็นมี Barcadi เคยจัดเหมือนกัน ยังไงลองดูได้จากเว็บของ Tokyo Midtown ว่ามีอีเวนท์จัดอยู่ครับ
